วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พิธีรักษาอุโบสถศีล

วันนี้ตรงกับขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันอาสาฬหบูชา 
เข้าพรรษาปีนี้  เริ่มเลย...
.........เมื่อพระสงฆ์สามเณรทำวัตรเช้าเสร็จแล้ว อุบาสกอุบาสิกพึงทำวัตร
เช้า โดยเริ่มคำบูชาพระ ว่า

.........ยะมะหัง สัมมาสัมพุทธัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะโต, (หญิงว่า
คะตา) พระผู้มีพระภาค, พระองค์ตรัสรู้ดีแล้วโดยชอบพระองค์ใด, ข้าพเจ้า
ถึงแล้วว่าเป็นที่พึ่งกำจัดภัยจริง, อิมินา สักกาเรนะ, ตัง ภะคะวันตัง,
อะภิปูชะยามิ, ข้าพเจ้าบูชา, ซึ่งพระผู้มีพระภาคนั้น, ด้วยเครื่องสักการะอันนี้.

.........ยะมะหัง สวากขาตัง, ธัมมัง สะระณัง คะโต (หญิงว่า คะตา)
พระธรรมที่พระผู้มีพระภาค, พระองค์ตรัสไว้ดีแล้วสิ่งใด, ข้าพเจ้าถึงแล้วว่า
เป็นที่พึ่งกำจัดภัยจริง, อิมินา สักกาเรนะ, ตัง ธัมมัง, อะภิปูชะยามิ,
ข้าพเจ้าบูชา, ซึ่งพระธรรมนั้น, ด้วยเครื่องสักการะอันนี้.

.........ยะมะหัง สุปะฏิปันนัง, สังฆัง สะระณัง คะโต (หญิงว่า คะตา)
พระสงฆ์ที่ท่านเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้วหมู่ใด, ข้าพเจ้าถึงแล้วว่าเป็นที่พึ่งกำจัดภัย
จริง, อิมินา สักกาเรนะ, ตัง สังฆัง, อะภิปูชะยามิ, ข้าพเจ้าบูชา, ซึ่ง
พระสงฆ์หมู่นั้น, ด้วยเครื่องสักการะอันนี้.

.........อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ
(กราบ)
.........สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
.........สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ (กราบ)

.........(ต่อจากนี้ ทำวัตรเช้า จบแล้วหัวหน้าอุบาสกหรืออุบาสิกาพึงคุกเข่า
ปะนมมือประกาศองค์อุโบสถ ทั้งคำบาลีและคำไทย ดังนี้)

.........อัชชะ โภนโต ปักขัสสะ อัฏฐะมีทิวะโส (ถ้าวันพระ ๑๕ ค่ำ ว่า
ปัณณะระสีทิวะโส ๑๕ ค่ำว่า จาตุททะสีทิวะโส) เอวะรูโป โข โภนโต
ทิวะโส พุทเธนะ ภะคะวะตา ปัญญัตตัสสะ ธัมมัสสะวะนัสสะ เจวะ
ตะทัตถายะ อุปาสะกะอุปาสิกานัง อุโปสถัสสะ จะ กาโล โหติ หันทะ
มะยัง โภนโต สัพเพ อิธะ สะมาคะตา ตัสสะ ภะคะวะโต ธัมมานุ-
ธัมมะปะฏิปัตติยา ปูชะนัยถายะ อิมัญจะ รัตติง อิมัญจะ ทิวะสัง
อัฏฐังคะสะมันนาคะตัง อุโปสะถัง อุปะวะสิสสามาติ กาละปะริจเฉหัง
กัตวา ตัง ตัง เวระมะณิง อารัมมะณัง กะริตวา อะวิกขิตตะจิตตา หุตวา
สักกัจจัง อุโปสะถัง สะมาทิเยยยามะ อีทิสัง หิ อุโปสะถัง สัมปัตตานัง
อัมหากัง ชีวิตัง มา นิรัตถะกัง โหตุ 

คำแปล

........ขอประกาศเริ่มเรื่องความที่จะสมาทานรักษาอุโบสถ อันพร้อมไปด้วย
องค์แปดประการ ให้สาธุชนที่ได้ตั้งจิตสมาทานทราบทั่วกันก่อน แต่สมาทาน
ณ บัดนี้ ด้วยวันนี้ เป็น วันอัฏฐะมีดิถีที่แปด (ถ้าวันพระ ๑๕ ค่ำว่า วันปัณ-
ณะระสีดิถีที่สิบห้า ๑๔ ค่ำว่า วันจาตุททะสีดิถีที่สิบสี่) แห่งปักษ์มาถึงแล้ว
ก็แหละวันเช่นนี้ เป็นกาลที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติแต่งตั้งไว้ให้
ประชุมกันฟังธรรมและเป็นกาลที่จะรักษาอุโบสถของ อุบาสกอุบาสิกา ทั้งหลาย
เพื่อประโยชน์แก่การฟังธรรมนั้นด้วย เชิญเถิดเราทั้งหลายทั้งปวงที่ได้มา
ประชุมพร้อมกัน ณ ที่นี้ พึงกำหนดกาลว่าจะรักษาอุโบสถตลอดวันหนึ่งกับคืน
หนึ่งนี้ แล้วพึงทำความเว้นโทษนั้น ๆ เป็นอารมณ์ คือ

........- เว้นจากฆ่าสัตว์ ๑
........- เว้นจากลักฉ้อสิ่งที่เจ้าของเขาไม่ให้ ๑
........- เว้นจากประพฤติกรรมที่เป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์ ๑
........- เว้นจากเจรจาคำเท็จล่อลวงผู้อื่น ๑
........- เว้นจากดื่มสุราเมรัยอันเป็นเหตุที่ตั้งแห่งความประมาท ๑
........- เว้นจากบริโภคอาหาร ตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์เที่ยงแล้วไปจน
........ถึงเวลาอรุณขึ้นมาใหม่ ๑
........- เว้นจากฟ้อนรำขับร้องและประโคมเครื่องดนตรีต่าง ๆ แต่
........บรรดาที่เป็นข้าศึกแก่บุญกุศลทั้งสิ้น และทัดทรงประดับตก
........แต่งร่างกายด้วยดอกไม้ของหอม เครื่องประดับเครื่องทา
........เครื่องย้อม ผัดผิด ทำกายให้วิจิตรงดงามต่างๆ อันเป็นเหตุ
........ที่ตั้งแห่งความกำหนัดยินดี ๑
........- เว้นจากนั่งนอนเหนือเตียงตั่งม้าที่มีเท้าสูงเกินประมาณ และ
........ที่นั่งที่นอนใหญ่ ภายในมีนุ่มและสำสี และเครื่องปูลาดที่
........วิจิตรด้วยเงินและทองต่าง ๆ ๑
........อย่าให้มีจิตฟุ้งซ่านส่งไปอื่น พึงสมาทานเอาองค์อุโบสถทั้งแปดประการโดย
เคารพ เพื่อจะบูชาสมเด็จ พระผู้มีพระภาค พระพุทธเจ้านั้น ด้วยธรรมมานุธรรม
ปฏิบัติ อนึ่ง ชีวิตของเราทั้งหลายที่ได้เป็นอยู่รอดมาถึงวันอุโบสถเช่นนี้ จงอย่า
ได้ล่วงไปเสียเปล่าจากประโยชน์เลย

........(เมื่อหัวหน้าประกาศจบแล้ว พระสงฆ์ผู้แสดงธรรมขึ้นนั่งบนธรรมาสน์
อุบาสกอุบาสิกพึงนั่งคุกเข่ากราบพร้อมกัน ๓ ครั้ง แล้วกล่าวคำอาราธนา
อุโบสถศีลพร้อมกัน ว่าดังนี้)

........มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ
........อัฏฐังคะสะมันนาคะตัง อุโปสะถัง ยาจามะ (ว่า ๓ จบ)
........ต่อนี้ คอยตั้งใจรับสรณคมน์และศีลโดยเคารพ คือประนมมือ ว่าตาม
คำที่พระสงฆ์บอกเป็นตอน ๆ ว่า 

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ) ........พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ 

.........เมื่อพระสงฆ์ว่า ติสะระณะคะมะนัง นิฏฐิตัง พึงรับพร้อมกันว่า
อามะ ภันเต
.........๑. ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาประทัง สะมาทิยามิ
.........๒. อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
.........๓. อะพรัหมะจริยา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
.........๔. มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
.........๕. สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง
สะมาทิยามิ
.........๖. วิกาละโภชะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
.........๗. นัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสะนา มาลาคันธะวิเลปะนะ-
ธาระณะ มัณฑะนะวิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง
สะมาทิยามิ
.........๘. อุจจาสะยะนะมะสะยะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง
สะมาทิยามิ

อิมัง อัฏฐังคะสะมันนาคะตัง, พุทธะปัญญัตตัง อุโปสะถัง, อิมัญจะ
รัตติง อิมัญจะ ทิวะสัง, สัมมะเทวะ อะภิรักขิตุง สะมาทิยามิ (หยุดรับ
เพียงเท่านี้) ตอนนี้ พระสงฆ์จะว่า อิมานิ อัฏฐะ สิกขาปะทานิ อุโปสะถะ-
วะเสนะ มะนะสิกะริตวา สาธุกัง อัปปะมาเทนะ รักขิตัพพานิ (พึงรับ
พร้อมกันว่า) อามะ ภันเต
(พระสงฆ์ว่าต่อ)
สีเลนะ สุคะติง ยันติ สีเลนะ โภคะสัมปะทา
สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ตัสมา สีลัง วิโสธะเย

.........พึงกราบพร้อมกัน ๓ ครั้ง ต่อนี้นั่งรอบพับเพียบประนมมือฟังธรรม
เมื่อจบแล้วพึงให้สาธุการและสวดประกาศตนพร้อมกัน ดังนี

สาธุ สาธุ สาธุ .........อะหัง พุทธัญจะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ สะระณัง คะโต (หญิงว่า คะตา)
อุปาสะกัตตัง (หญิงว่า อุปาสิกัตตัง) เทเสสิง ภิกขุสังฆัสสะ สัมมุขา
เอตัง เม สะระณัง เขมัง เอตัง สะระณะมุตตะมัง
เอตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุจจะเย
ยะถาพะลัง จะเรยยาหัง สัมมาสัมพุทธะสาสะนัง
ทุกขะนิสสะระณัสเสวะ ภาคี อัสสัง (หญิงว่า ภาคินิสสัง) อะนาคะเต ฯ

.........กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา
พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง
พุทโธ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ

.........กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะวา วา
ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง
ธัมโม ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม

.........กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา
สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง
สังโฆ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ ฯ 

คำอาราธนาธรรมพิเศษ จาตุททะสี ปัณณะระสี ยา จะ ปักขัสสะ อัฏฐะมี
กาลา พุทเธนะ ปัญญัตตา สัทธัมมัสสะวะนัสสิเม
อัฏฐะมี โข อะยันทานิ สัมปัตตา อะภิลักขิตา
เตนายัง ปะริสา ธัมมัง โสตุง อิธะ สะมาคะตา
สาธุ อัยโย ภิกขุสังโฆ กะโรตุ ธัมมะเทสะนัง
อะยัญจะ ปะริสา สัพพา อัฏฐิกัตวา สุณาตุ ตันติ ฯ

หมายเหตุ ถ้าวันพระ ๑๕ ค่ำ ว่า ปัณณะระสี ถ้า ๑๔ ค่ำ ว่า จาตุททะสี 

คำแผ่เมตตา .........สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน
หมดทั้งสิ้น
.........อะเวรา จงเป็นสุข ๆ เถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
.........สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน
หมดทั้งสิ้น
.........อัพยา ปัชฌา จงเป็นสุข ๆ เถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
เลย
.........สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน
หมดทั้งสิ้น
.........อะนีฆา จงเป็นสุข ๆ เถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
.........สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน
หมดทั้งสิ้น
.........สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้น
จากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด ท่านทั้งหลาย ที่ท่านได้ทุกข์ขอให้ท่านมีความสุข ท่าน
ทั้งหลายที่ท่านได้สุข ขอให้สุขยิ่ง ๆ
.........สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เกิดเป็นชะลาพุชะ ที่เกิดเป็นอัณฑะชะ
ที่เกิดเป็นสังเสทะชะ ที่เกิดเป็นโอปปาติกะ จงมารับกุศลผลบุญให้ถ้วนทั่ว
ทุกตัวสัตว์
อะภิณหะปัจจะเวกขะณะ .........ชะรา ธัมโมมหิ ชะรัง อะนะตีโต (หญิงว่า อะนะตีตา) เรามี
ความแก่ชราเป็นธรรมดา เราไม่ล่วงพ้นความแก่ชราไปได้
.........พยาธิ ธัมโมมหิ พยาธิง อะนะตีโต (หญิงว่า อะนะตีตา) เรามี
ความไข้เจ็บเป็นธรรมดา เราไม่ล่วงพ้นความไข้เจ็บไปได้
.........มะระณะ ธัมโมมหิ มะระณัง อะนะตีโต (หญิงว่า อะนะตีตา)
เรามีความตายเป็นธรรมดา เราไม่ล่วงพ้นความตายไปได้
.........สัพเพหิ เม ปิเยหิ มะนา เปหิ นานาภาโว วินาภาโว คงมีแก่เรา
ความเป็นต่าง และความพลัดพรากจากสัตว์และสังขาร และความพลัดพราก
จากของที่น่ารักน่าชอบใจของเราทั้งหลาย
.........กัมมัสสะโกมหิ เรามีกรรมเป็นกรรมของตัว
.........กัมมะทายาโท เรามีกรรมเป็นผู้นำมามอบให้
.........กัมมะโยนิ เรามีกรรมเป็นผู้นำไปเกิด
.........กัมมะพันธุ เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ และพวกพ้อง
.........กัมมะปะฏิสะระโณ เรามีกรรมเป็นเครื่องยุยงเป็นเครื่องระลึก
.........ยังกัมมัง กะริสสามิ กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา เราจะทำ
กรรมอันใด ๆ ไว้ จะเป็นกรรมงามกรรมดีที่เป็นกุศลหรือ หรือจะเป็นกรรมชั่ว
กรรมลามกที่เป็นบาป
.........ตัสสะ ทายาโท ภะวิสสามิ เราจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น 
บังสุกุล อะจิรัง วะตะยัง กาโย ปะฐะวิง อะธิเสสสะติ
ฉุฑโฑ อะเปตะวิญญาโณ นิรัตถังวะ กะลิงคะรัง
อะนิจจา วะตะ สังขารา อุปปาทะวะยะธัมมิโน
อุปปัชชิตวา นิรุชฌันติ เตสัง วูปะสะโม สุโข
คำลากลับบ้าน หันทะทานิ มะยัง ภันเต อาปุจฉามะ
พะหุ กิจจา มะยัง พะหุกะระณียา
.........พระสงฆ์ผู้รับลากล่าวคำว่า ยัสสะทานิ ตุมเห กาลัง มัญญะถะ
ผู้ลาพึงรับพร้อมกันว่า สาธุ ภันเต แล้วกราบ ๓ ครั้ง 

ไม่มีความคิดเห็น:

การก่อผนังอิฐบล็อก

ที่มา :  https://itdang2009.com/อิฐบล็อก-และเทคนิคการก่/ อิฐบล็อก และเทคนิคการก่ออิฐบล็อก ...