วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

นาฬิกาชีวิต

การแพทย์ตะวันออกถือว่า กลางวันและกลางคืนมีความสัมพันธ์กับสุขภาพของมนุษย์อย่างแยกไม่ออก โดยมองลึกลงไปอีกว่า ช่วงเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันนั้น ภายในร่างกายของมนุษย์ยังมีการไหลเวียนของพลังชีวิตที่ผ่านอวัยวะภายในของ ร่างกายซึ่งประกอบด้วย อวัยวะตันและอวัยวะกลวง

อวัยวะตัน หมายถึง หัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ปอด ม้าม ตับ ไต
อวัยวะกลวง หมายถึง กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ ระบบความร้อนของร่างกาย (ชานเจียว)

การ ไหลเวียนของพลังชีวิต (ลมปราณ) ที่ผ่านแต่ละอวัยวะนั้นจะใช้เวลาสองชั่วโมง ทั้งหมดมี 12 อวัยวะ รวม 24 ชั่วโมง คือ หนึ่งวัน เรียกว่า “นาฬิกาชีวิต”

1.00-3.00น

เป็นช่วงเวลาของตับ ควรนอนหลับพักผ่อนถ้าใครนอนหลับได้ดีเป็นประจำในช่วงเวลานี้ ตับจะหลั่งสารมีราโทนิน (meratonine) เพื่อฆ่าเชื้อโรค ทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย นอกจากร่างกายจะหลั่งมีราทินประจำแล้ว ยังหลั่งสารเอนโดรฟิน (endorphin) ออกมาด้วยจึงไม่ควรกินอาหาร เพราะจะทำให้ตับทำงานหนักและเสื่อมเร็ว หน้าที่หลักของตับ คือ ขจัดสารพิษในร่างกาย ส่วนหน้าที่รอง คือ

1. ช่วยไตในการดูแลผม ขน เล็บ ถ้าตับมีปัญหา ผม ขน เล็บจะไม่สวย
2. ช่วยกระเพาะย่อยอาหาร ถ้ากินบ่อย ๆ จะทำให้ตับทำงานหนักตับจะหลั่งน้ำย่อยออกมามากจึงไม่ได้ทำหน้าที่หลัก เป็นเหตุให้สารพิษตกค้างในตับ

3.00-5.00น

เป็นช่วงเวลาของปอด ควรตื่นขึ้นมาสูดอากาศรับแดดตอนเช้า ผู้ที่ตื่นช่วงนี้ประจำ ปอดจะดี ผิวดี และเป็นคนมีอำนาจในตัว???

5.00-7.00น

ลำ ไส้ใหญ่ ควรถ่ายให้เป็นนิสัย ถ้าไม่ถ่ายให้กดจุดที่ตำแหน่งสองข้างของจมูก ถ้ายังก็ให้ดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว ถ้ายังไม่ถ่ายให้ดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาว หรือบริหารโดยยืนตรง หายใจเข้าแล้วก้มลงพร้อมหายใจออก เอามือท้าวเข่าแขม่วท้องจนเหมือนว่าหน้าท้องไปติดสันหลัง คนที่ถ่ายยากต้องกินข้าวเช้า บางคนไม่กินข้าวแต่กินกาแฟ ร่างการจะดูดกากอาหารตกค้างซึ่งกำลังจะเป็นอุจจาระเข้าไปใหม่ เท่ากับกินกาแฟแกล้มอุจจาระ

คนเรามักไม่ตื่นกันตอนนี้ซึ่งเป็นเวลา ที่ลำไส้ต้องบีบอุจจาระลง เมื่อไม่ตื่นจึงบีบขึ้น เมื่อไม่ถ่ายตอนเช้าลำไส้ใหญ่จึงรวน แล้วจะมีอาการปวดหัวไหล่ กล้ามเนื้อเพดานจะหย่อน แล้วจะนอนกรนในที่สุด

7.00-9.00น

กระเพาะ อาหาร กินเข้าเช้าตอนนี้จะดี กระเพาะแข็งแรง ถ้ากระเพาะอ่อนแอ จะทำให้เป็นคนตัดสินใจช้า ขี้กังวล ขาไม่ค่อยมีแรง ปวดเข่า หน้าแก่เร็วกว่าวัย

ถ้าไม่กินข้าวเช้าอุจจาระจะถูกดูดกลับมาที่กระเพาะ กลิ่นตัวจะเหม็น ถ้าถ่ายออกหมดจะไม่มีกลิ่นตัวเท่าไหร่


9.00-11.00น

ม้าม ม้ามจะอยู่ชายโครงด้านซ้าย หน้าที่ควบคุมเม็ดเลือด สร้างน้ำเหลือง ควบคุมไขมัน คนที่ปวดหัวบ่อยมักมาจากม้าม อาการเจ็บชายโครงมาจากม้ามกับตับ

- ม้ามโต จะไปเบียดปอด ทำให้เหนื่อยง่าย ผอมเหลือง ตาเหลือง สร้างเม็ดเลือดขาวได้น้อย
-ม้ามชื้น อาหารแและน้ำที่กินเข้าไปจะแปรสภาพเป็นไขมัน ทำให้อ้วนง่าย

คน ที่หลับช่วง 9.00-11.00 ม้ามจะอ่อนแอ ม้ามยังโยงไปถึงริมฝีปาก คนที่พูดมากช่วงนี้ม้ามจะชื้น ควรพูดน้อยกินน้อย ไม่นอนหลับ ม้ามจะแข็งแรง

11.00-13.00น

หัวใจ หัวใจจะทำงานหนักช่วงนี้ ให้หลีกเลี่ยงความเครียด หรือใช้ความคิดหนัก หาทางระงับอารมณ์ไว้

13.00-15.00น

ลำ ไส้เล็ก **ควรงดกินอาหารทุกประเภท** เพื่อเปิดโอกาสให้ลำไส้ทำงาน ลำไส้เล็กทำหน้าที่ดูดสารอาหารที่เป็นน้ำเพื่อสร้างกรดอะมิโนสร้างเซลล์สมอง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างไข่สำหรับผู้หญิง

15.00-17.00น

กระเพาะ ปัสสาวะ จะเกี่ยวข้องกับระบบความจำ ไทรอยด์ และระบบเพศทั้งหมด ช่วสงเวลานี้ควรทำให้เหงื่อออก จะออกกำลังการหรืออบตัว กระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง การอั้นปัสสาวะบ่อย จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด ทำให้เหงื่อเหม็น

17.00-19.00น

ไต ควรทำใจให้สดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอนตอนนี้ ถ้าง่วงแสดงว่าไตเสื่อม ยิ่งหลับแล้วเพ้อ อาการยิ่งหนัก

-ไต ซ้าย คุมสมองด้านขวาคือความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์สุนทรีย์ รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว ถ้ามีปัญหา อารมณ์นี้จะหมดไปเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัว แต่ไม่ปล่อยวาง และขี้ร้อน
-ไตขวา จะคุมสมองด้านซ้าย ซึ่งควบคุมด้านความจำ ถ้ามีปัญหาความจำจะเสื่อมและเป็นคนขี้หนาว ผู้ใดที่ไตแข็งแรงจะเป็นคนอายุยืน เป็นคนกล้า

ถ้าลำไส้เล็กมีไขมัน เกาะมาก อาหารที่อยู่ในรูปของสารละลายจะผ่านลำไส้เล็กไม่ได้ จึงตกเป็นภาระของไต จะทำงานหนักเป็นโรคไต สมองเสื่อม ปวดหลัง เป็นหวัดง่าย มีเสลด

การดูแลคือ เช้าอาบน้ำเย็น เย็นอาบน้ำอุ่น


19.00-21.00น

เยื่อหุ้มหัวใจ ช่วงนี้ควรสวดมนต์ ทำสมาธิ ให้ระวังเรื่องตื่นเต้น ดีใจ หัวเราะ

21.00-23.00น

เวลาของระบบความร้อนของร่างกาย ต้องทำร่างายให้อุ่น ห้ามอาบน้ำเย็นเวลานี้จะเจ็บป่วยได้ง่าย ช่วงนี้อย่าตากลมเพราะลมมีพิษ

23.00-1.00น

ถุงน้ำดี เป็นถุงสำรองน้ำย่อยที่ออกมาจากตับ อวัยวะใดขาดน้ำ จะดึงมาจากถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีข้น อารมจะฉุนเฉียว สายตาเสื่อม เหงือกบวม ปวดฟัน นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก ตอนเช้าจะจาม ถุงน้ำดีจะโยงถึงปอด จะปวดศีรษะข้างเดียวหรือสองข้างโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรดื่มน้ำก่อนเข้านอน หรือก่อนเวลา  

23.00น

เพิ่มเติม
ช่วงลำไส้เล็กซึ่งสำคัญมาก ทุกวันนี้ใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์ม แม้จะบอกว่าเป็นถั่วเหลือง หรือเมล็ดทานตะวันก็ตาม ถ้าเป็นน้ำมันธรรมชาติล้วนๆ เช่น น้ำมันมะกอกก็จะไม่เป็นปัญหาต่อลำไส้เล็ก เมื่อน้ำมันปาล์มโดนความร้อนจะทำให้เหนียวหนืด เวลาโฆษณาบอกว่าไม่เป็นไข แต่พอเข้าร่างกายแล้วจะไปเกาะที่ลำไส้ เวลาดื่มน้ำ น้ำก็ไม่สามารถทะลุผ่านลำไส้ ทำให้ต้องฉี่บ่อยๆ บางคนดื่มไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องลุกไปฉี่ ไตก็จะทำงานทำงานหนัก ไตควบคุมกระดูกและสมอง กระดูกก็เสื่อม เลือดไปเลี้ยงสมองก็น้อย สมองเสื่อมอีก เมื่อน้ำก็ไม่เข้าร่างกาย แต่สิ่งที่ผ่านไปได้คือวิตามิน A D E แต่ C กับโปรตีน กรดอะมิโน ผ่านไม่ได้จึงส่งผ่านไปให้ไต ไตก็ทำงานหนักขับโปรตีนออกมา

เมื่อเป็นปัญหาที่ไต น้ำผ่านไม่ได้ ถุงน้ำดีก็ข้น ทำให้ตื่นนอนหรือนอนไม่หลับช่วงห้าทุ่มถึงตีสาม ไปหลับอีกทีช่วงเช้ามืดซึ่งควรตื่นนอนแล้ว จึงเกิดไมเกรน หมอปัจจุบันต้องรอให้ปวดหัวก่อนถึงรู้ว่าเป็นไมเกรน แต่แผนโบราณบอกได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการคอแห้ง ร้อนใน ปวดตามซี่โครง ปวดขาด้านข้าง เสียวฟัน ปลายประสาทฟันเหงือกอักเสบตลอดเวลา ถ้าหาหมอฟัน ก็จะถอนให้ พอปวดกระบอกตา ปวดหูก็บอกว่าน้ำในหูไม่เท่ากัน แต่ต้นเหตุจริงๆ มาจากถุงน้ำดีข้น เลือดก็เลี้ยงสมองส่วนหน้าไม่พอ ตาก็เป็นต้อง่าย จมูกเป็นไซนัสง่าย ภูมิแพ้ง่าย เป็นผลพวงมาจากลำไส้เล็กไม่สะอาดทั้งสิ้น

วิธีแก้
ตามธรรมชาติ ก็ใช้โยเกิร์ต+นมสด+น้ำผึ้ง+มะนาว กินเข้าไปจะล้างลำไส้ได้ ช่วงย่อยขยะในลำไส้ สูตรนี้กินตอนเช้าลดความอ้วน กินตอนเย็นเพิ่มความอ้วน

ถ้ามีผลต่อเนื่องจากลำไส้เล็ก เช่นโรคไต การที่ผมเปลี่ยนสีเพราะไตเริ่มเสื่อม อาการซ้ายขวาไม่เหมือนกัน อ่านได้ข้างบน เห็ดหูหนูดำเป็นตัวดูแลไตที่ดี เห็ดหูหนูขาวบำรุงปอด ถ้าเอาเห็ดสาม (รวมเห็ดหอมมั้ง) อย่างมาปรุงอาหารรวมกัน จะสามารถล้างพิษในตับได้ รักษามะเร็ง รักษาตับ ซิสต์ เนื้องอก จะเอามาทำอะไรก็ได้ แกงเลียง ต้มยำของหวาน ได้ทั้งนั้น


ใครขี้เกียจอ่านยาวๆ มาอ่านตรงนี้ ก็พอ

สรุป
1.00-3.00 นอนซะ (ตับ)
3.00-5.00 ตื่นมาสูดอากาศ (ปอด)
5.00-7.00 ขับถ่าย (ลำไส้ใหญ่)
7.00-9.00 กินข้าวเช้า (กระเพาะ)
9.00-11.00 อย่าพูดมาก กินน้อยๆ อย่านอน (ม้าม)
11.00-13.00 หลีกเลี่ยงความเครียด (หัวใจ)
13.00-15.00 ห้ามกิน (ลำไส้เล็ก)
15.00-17.00 ออกกำลังหรืออบตัวให้เหงื่อออก (กระเพาะปัสสาวะ)
17.00-19.00 ทำให้สดชื่น อย่าง่วง (ไต)
19.00-21.00 ทำสมาธิ (เยื่อหุ้มหัวใจ)
21.00-23.00 ทำตัวให้อุ่นๆ ไว้ (ระบบความร้อนของร่างกาย)
23.00-1.00 กินน้ำก่อนนอน (ถุงน้ำดี)

ที่มา: http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=17208

ไม่มีความคิดเห็น:

การก่อผนังอิฐบล็อก

ที่มา :  https://itdang2009.com/อิฐบล็อก-และเทคนิคการก่/ อิฐบล็อก และเทคนิคการก่ออิฐบล็อก ...