วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

นิยตะโพธิสัตว์

สำหรับพระโพธิสัตว์ ที่ยังเป็น อนิยตะโพธิสัตว์ ที่สร้างบารมีสมบูรณ์แล้ว จะได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก ต่อพระพักตร์พุทธเจ้า ต้องมีธรรมสโมธาน 8 ประการสมบูรณ์ จึงได้รับพุทธพยากรณ์โดยนัยว่า จะได้ตรัสรู้เป็นองค์พระพุทธเจ้า ทรงนามว่าอย่างนั้น ในกัปอันเป็นอนาคตที่เท่านั้นก็กลายเป็น นิยตะโพธิสตว์ ทันที คือเป็นพระโพธิสัตว์ที่เที่ยงแท้

ธรรมสโมธาน 8 ประการคือ
1. ได้เกิดเป็นมนุษย์
2. เป็นบุรุษเพศ ไม่เป็นกระเทย
3. มีอุปนิสัยปัจจัยแห่งพระอรหันต์รุ่งเรืองอยู่ในขันธสันดาน(ถ้าเกิดเปลียนใจก็จะเป็นพระอรหันต์ทันที)
4. ต้องพบพระพุทธเจ้าขณะมีพระชนชีพอยู่ และได้สร้างกองบุญกุศลต่อพระพักตร์
5. ต้องเป็นบรรพชิต หรือต้องเป็น โยคี ฤาษี ดาบส หรือปริพาชก ที่มีลัทธิเชื่อว่า บุญมี บาปมี ทำบุญได้บุญ ทำบาปได้บาป ต้องไม่เป็นคฤหัสผู้ครองเรือน
6. ต้องมีอภิญญาและฌานสมาบัติ อันเชี่ยวชาญ
7. เคยให้ชีวิตของตนเป็นทาน เพื่อสัมโพธิญาณมาก่อนในอดีดชาติ
8. ต้องมี ฉันทะ คือมีความรักความพอใจในพุทธภูมิเป็นกำลัง

กล่าวถึงพุทธภูมิธรรมของนิยตะโพธิสัตว์ ในการเพิ่มพูนบารมีให้มากยิ่งขึ้น มีน้ำใจประกอบไปด้วย พุทธภูมิธรรม 4 ประการ คือ
1. อุสสาโห คือประกอบไปด้วยพระอุตสาหะ มีความเพียรอันสลักติดแน่นในจิตใจอย่างมั่นคง
2. อุมัตโต คือประกอบด้วยปัญญา มีปัญญาเชียวชาญเฉียบคม
3. อวัตถานัง คือมีพระทัยอธิษฐานอันมั่นคง มิได้หวั่นไหวคลอนแคลน
4. หิตจริยา คือประกอบไปด้วยพระเมตตา เจรีญจิตอยู่ด้วยพรหมวิหารเป็นปกติ

อัธยาศัย ที่ทำให้พระโพธิญานของนิยตะโพธิสัตว์แก่กล้ายิ่งขึ้น มี 6 ประการ
1. เนกขัม พอใจในการรักษาศีล การบวช หรือบรรพชา
2. วิเวก พอใจอยู่ในที่สงบ
3. อโลภ พอใจในการบริจาคทาน
4. อโทส พอใจในความไม่โกรธ เจริญเมตตา
5. อโมห พอใจในการพิจารณาคุณและโทษ เจริญปัญญา
6. นิพพาน พอใจที่ยกตนออกจากภพ ไม่ยินดีในการเวียนว่ายตายเกิด ประสงค์นิพพานเป็นอย่างบารมี 30 ทัส

กล่าวถึงบารมี 10 ทัสก่อน มี ดังนี้
1. ทานบารมี คือการให้ทาน ทำบุญ บริจาคทรัพย์ หรือสิ่งของ หรือบริจาค สัตว์ 2 เท้า หรือ 4 เท้า หรือไม่มีเท้า
2. ศีลบารมี คือาการรักษาศีล 5 ศีล 8 หรือศีล 227 ข้อ
3. เนกขัมบารมี คือการออกบวช เป็นพระ หรือเป็นฤาษี เป็นโยคี เป็นพราหมณ์ คือเป็นผู้ไม่ครองเรื่อน ถือศีล 8 ขึ้นไป
4. ปัญญาบารมี คือสร้างเสริมความรู้ ความสามารถ และปัญญาทางธรรมมะให้เพิ่มขึ้น
5. วิริยะบารมี คือมีความขยันหมั่นเพียร กระทำสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์ ทั้งในทางธรรมะจนกระทั้งสำเร็จ
6. ขันติบารมี คือมีความอดทนต่ออารมณ์อันไม่พอใจ ต่องานการ ต่อการปฏิบัติธรรม และต่อสิ่งแวดล้อมที่ไม่อำนวย
7. สัจจะบารมี คือการพูดความจริง ที่ประกอบไปด้วยความดี ตามกาล และทำตามที่กล่าวไว้
8. อธิษฐานบารมี คือตังจิตอธิษฐาน เมื่อสร้างบุญกุศล ในสิ่งที่ปารถนาที่เป็นคุณงามความดี
9. เมตตาบารมี คือมีใจเมตตาต่อสัตว์ทั้งหลายเสมอเหมือนกัน
10. อุเบกขาบารมี คือมีใจเป็นอุเบกขา ต่อความสุข ความทุกข์ ที่เกิดขึ้น

บารมี ทั้ง 10 สามารถแตกเป็น 3 ระดับ คือ
1. บารมี ธรรมดาทั่วไป
2. อุปบารมี บารมีอย่างกลางแลกด้วย ปัจจัยภายนอกจนหมดสิ้น
3. ปรมัตถบารมี บารมีอย่างยิ่งแลกด้วยชีวิต

เมื่อแบ่งเป็น 3 ระดับ ก็จะกลายเป็นบารมี 30 ทัส
อานิสงส์ บารมี 30 ทัส ของพระนิยตะโพธิสัตว์

พระนิยตะโพธิสัตว์เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก จะมีอานิสงส์ 18 อย่าง ตลอดจนได้ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า ได้แก่
1. เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมไม่เกิดเป็นคนมีจักษุบอดมาแต่กำเนิด
2. ไม่เป็นหูหนวกแต่กำเนิด
3. ไม่เป็นคนบ้า
4. ไม่เป็นคนใบ้
5. ไม่เป็นคนง่อยเปลี้ย
6. ไม่เกิดในมิลักขประเทศคือประเทศป่าเถื่อน
7. ไม่เกิดในท้องนางทาสี (แต่เกิดในฐานะคนจันทาลได้ ดัง พระโพธิสัตว์ มาตังคะฤาษี ท่านเป็นบุตรคนจันทาล แต่ไม่
    ได้เป็นนางทาสี)
8. ไม่เป็นนิยตมิจฉาทิฐิ
9. ไม่เป็นสตรีเพศ
10. ไม่ทำอนันตริยกรรม
11. ไม่เป็นโรคเรื้อน
12 เมื่อเกิดเป็นสัตว์เดียรฉาน มีกายไม่เล็กกว่านกกระจาบ และ ไม่ใหญ่ไปกว่าช้าง
13. ไม่เกิดใน ขุปปิปาสิกเปรต นิชฌานตัณหิกเปรต และกาลกัญจิกาสุรกาย
14. ไม่เกิดในอเวจีนรก และโลกันตนรก
15. ไม่เกิดเป็นเทวดาใน กามาพจรสวรรค์ ไม่เกิดเป็นเทวดาที่นับเข้าในเทวดาพวกหมู่มาร
16. เมื่อเกิดเป็นรูปพรหม จะไม่เกิดใน ปัญจสุทธวาสพรหมโลก(พรหมชั้นอนาคามี) และอสัญญสัตตาภูมิพรหม( มีแต่
      รูปอย่างเดียว)
17. ไม่เกิดในอรูปพรหมโลก
18. ไม่เกิดในจักรวาลอื่น

อานิสงส์ พิเศษอีกอย่างหนึ่งของนิยตโพธิสัตว์ คือ การทำอธิมุตตกาลกริยา คือเมื่อท่านเกิดเป็นเทวดาหรือพระพรหม เกิดความเบื่อหน่าย ในการเสวายสุขนั้น ปรารถนาที่จะสร้างบารมีในโลกมนุษย์ ท่านก็สามารถทำการอธิมุตต คืออธิษฐานให้จุติ(ตายจากการเป็นเทพ)มาเกิดเป็นมนุษย์ได้ทันที ได้โดยง่าย ซึ่งเหล่าเทพเทวดาอื่นๆ ไม่สามารถทำอย่างนี้ได้

อนิยตะโพธิสัตว์

สำหรับพระโพธิสัตว์ ที่ยังเป็น อนิยตะโพธิสัตว์ ที่สร้างบารมีสมบูรณ์แล้ว
จะได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก ต่อพระพักตร์พุทธเจ้า ต้องมีธรรมสโมธาน 8 ประการสมบูรณ์
จึงได้รับพุทธพยากรณ์โดยนัยว่า จะได้ตรัสรู้เป็นองค์พระพุทธเจ้า ทรงนามว่าอย่างนั้น
ในกัปอันเป็นอนาคตที่เท่านั้น ก็กลายเป็น นิยตะโพธิสตว์ ทันที คือเป็นพระโพธิสัตว์ที่เที่ยงแท้

พระโพธิสัตว์

พระโพธิสัตว์  คือ บุคคลที่ปรารถนาเพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต แบ่งเป็น ๒ ประเภท


         ๑. พระโพธิสัตว์ที่ยังไม่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนมาเลย เรียกว่า "อนิยตะโพธิสัตว์" ความหมายคือ ยังไม่แน่นอนว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า เพราะอาจจะเลิกล้มความปรารถนาเมื่อไรก็ได้


         ๒. พระโพธิสัตว์ที่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนมาแล้ว เรียกว่า "นิยตะโพธิสัตว์" ตามความหมายคือจะได้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน เพราะถ้าถึงนิพพานต้องดำรงค์ฐานะเป็นพระพุทธเจ้าอย่างเดียว


         แต่ถ้าบารมีและเวลายังไม่สมบูรณ์ แม้ว่าจะพยายามปฏิบัติอย่างยิ่งยวดบังเกิดปัญญาอย่างเยียมยอด ก็ไม่สามารถถึงนิพพานก่อนได้


         แม้จะทุกข์ท้อแท้ จนคิดว่าเลิกที่จะเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว แต่แล้วในที่สุดมหากุศลที่เป็นอนุสัย ก็จะพุ่งกระจายขึ้นมาให้ตั้งมั่นและบำเพ็ญบารมีกันต่อ จนกว่าบารมีและเวลาสมบูรณ์

ธรรมสโมธาน

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 702


ในข้อว่า ยํ อิตฺถี อรหํ อสฺส สมฺมาสมฺพุทฺโธ (แปลว่าหญิงจะพึงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า) นี้


อธิบายว่า ความเป็นพระพุทธเจ้าผู้สามารถข้ามโลกเพราะยังคุณคือ สัพพัญญู ให้เกิดขึ้นนั้น


จงยกไว้ก่อน แม้เหตุสักว่าการตั้งปณิธาน (การตั้งความปรารถนา) ก็ย่อมไม่สำเร็จแก่หญิง


จริงอยู่ เหตุอันเป็นปณิธานสมบัติเหล่านี้ คือ อภินีหาร (ความปรารถนาดังใจจริง)


ย่อมสำเร็จพร้อมเพราะธรรมสโมธาน (การประชุมแห่งธรรม) ๘ ประการ คือ

๑. มนุสฺสตฺตํ
     ต้องเป็นมนุษย์ เป็นอย่างอื่นไม่นับเข้าในข้อนี้

๒. ลิงฺคสมฺปตฺติ
     ต้องสมบูรณ์ด้วยเพศ คือเป็นบุรุษ
     พร้อมทุกส่วน จะเป็นเพศหญิง หรือบุรุษที่ไม่สมประกอบ เช่น เป็นกะเทย หรือเป็นคน ๒ เพศ ไม่นับเข้าในข้อนี้

๓. เหตุ
     ต้องมีอุปนิสัยสามารถสำเร็จพระอรหันต์ ได้ เช่น สุเมธดาบส (พระพุทธเจ้าของเราปัจจุบัน) เป็นตัวอย่าง
     คือถ้าต้องการเป็นพระอรหันต์เมื่อใด ก็เป็นได้เมื่อนั้น

๔. สตฺถารทสฺสนํ
     ต้องได้พบพระพุทธเจ้าองค์ใด องค์หนึ่ง และได้ทำความดีถวายแด่พระพุทธเจ้าองค์นั้น เช่น สุเมธดาบส
     ที่ได้ทอดตัวอย่างสะพานถวายแด่พระทีปังกร พุทธเจ้าเป็นตัวอย่าง

๕. ปพฺพชฺชา
     ต้องเป็นบรรพชิตประเภทใดๆ ก็ตาม แต่ให้เป็นประเภทถือถูก จะเป็นดาบสหรือปริพพาชิกก็ได้ ไม่ขัดกับข้อนี้

๖. คุณสมปตฺติ
     ต้องสมบูรณ์ด้วยคุณ คือ อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘

๗. อธิกาโร
     การกระทำกุศลอันยิ่งใหญ่ ต้องได้ทำความดียิ่ง คือได้ให้ชีวิตและลูกเมียเป็นทาน โดยเจตนาหวังโพธิญาณมาแล้ว

๘. ฉนฺทตา
     พอใจในโพธิญาณ ต้องมีความพอใจอย่างแรงกล้าในการเป็นพระพุทธเจ้าอย่างเต็มที่ คือ ไม่ต้องการสิ่งอื่น

     และถึงจะต้องทนเหนื่อยยากลำบากเท่าไร ในการที่จะต้องสร้างบารมีอยู่นานก็ตาม เป็นไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเปลี่ยน
     ความคิดไปทางอื่นเป็นอันขาด

     เมื่อองค์คุณเหล่านี้ครบทั้ง ๘ ในชาติใดแล้ว ชาตินั้นแหละจึง ได้รับพยากรณ์ว่า เป็นนิตยโพธิสัตว์คือเป็นผู้แน่ที่จะได้
     ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

ผู้มีขันติ เป็นที่รักของมนุษย์และเทวดา

ชอบบทความนี้มาก จึงนำมาเก็บไว้ในบล็อกส่วนตัว เพื่อเตือนสติ

ผู้มีมีขันติ เป็นที่รักของมนุษย์และเทวดา “ผู้มีขันติ นับว่ามีเมตตา มีลาภ มียศ และมีสุขเสมอ ผู้มีขันติเป็นที่รักที่ชอบใจของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย” นี้เป็นพุทธศาสนสุภาษิต

ขันติ คือความอดทน อดทนต่อความหนาวร้อนหิวกระหาย อดทนต่อถ้อยคำแรงร้าย และอดทนต่อทุกขเวทนาต่างๆ ไม่แสดงอาการผิดไปจากปกติ เมื่อพบความหนาวร้อนหิวกระหาย เมื่อได้ยินถ้อยคำแรงร้าย

และเมื่อเกิดทุกขเวทนาต่างๆ ความอดทน...เกิดได้ด้วยความเมตตาเป็นสำคัญ ผู้มีขันติ นับได้ว่าเป็นผู้เมตตา เพราะความอดทนจะทำให้ไม่ปฏิบัติตอบโต้ความรุนแรงที่ได้รับ คือจะไม่ทำร้ายแม้ผู้ที่ให้ร้าย จะอดทนได้ สงบอยู่ได้อย่างปกติ

ความอดทนได้เช่นนี้ มีเหตุผลสำคุญประการหนึ่งคือ ความเมตตา ความเมตตาจะทำให้ไม่คิดร้าย ไม่พูดร้าย ไม่ทำร้ายผู้ใดทั้งนั้น แม้ว่าผู้นั้นจะคิดร้าย พูดร้าย ทำร้ายตนสักเพียงใด เมตตาจะทำให้มุ่งรักษาผู้อื่น
รักษาจิตใจผู้อื่นไม่ให้ต้องกระทบกระเทือน

เพราะการคิดการพูด การกระทำของตน ความมุ่งรักษาจิตใจผู้อื่นเช่นนั้น เป็นเหตุให้พยายามระงับกายวาจาใจของตนให้สงบอยู่ ไม่แสดงความรุนแรงผิดปกติให้ปรากฏออกกระทบผู้อื่น นี้คือ ขันติ...ความอดทน

ที่เกิดได้ด้วยอำนาจของเมตตาเป็นสำคัญ

วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ยำปูม้าดอง โดย... Bonita

หมายเหตุ สืบเนื่องมาจากกระทู้ปูดองที่น้องเหมียว Bonita เคยโพสต์ไว้เสียนะคะ หมูแดงเลยซ่อมกระทู้นี้แทน โดยใช้รูปเดิมที่น้องเหมียวเคยโพสต์ไว้ แต่คำบรรยาย หมูแดงขอด้นเองทั้งหมดค่ะ เพราะไม่มีข้อมูลเก็บไว้ เป็นการบรรยายที่ดูจากภาพเป็นหลักค่ะ


เครื่องปรุงหลักค่ะ


ปูม้าแช่แข็ง มาเป็นกล่องแบบนี้ค่ะ


แกะออกมาดู


ละลายน้ำแข็งออกแล้ว ใส่ตะแกรงไว้ให้สะเด็ดน้ำ


เริ่มทำน้ำดองปูกันก่อนนะคะ ใส่น้ำปลาลงไปในหม้อ


ใส่น้ำตาลนิดหน่อย


ตั้งไฟให้เดือด แล้วทิ้งไว้ให้เย็น


เอามาราดบนปูให้ท่วม


ใส่กล่องปิดฝาให้มิดชิด ถ้ากลัวกลิ่นเหม็นก็เอาใส่ถุงพลาสติกอีกชั้นก็ได้ค่ะ
ปูที่ดองได้ที่แล้ว เป็นแบบนี้ค่ะ


ดูกันชัดๆ


เตรียมเครื่องยำค่ะ ตะไคร้ซอย หอมใหญ่ซอย ต้นหอม พริก มะนาว


ยำเสร็จแล้วค่ะ


ชัดๆอีกซักรูป


แกะก้ามปูให้ดู เห็นเนื้อปูฉ่ำๆมั้ยคะ


น้ำปลาที่ใช้ดองปู เหมียวเก็บไว้ค่ะ


รูปส่งท้ายค่ะ


ยำปูดอง โดย...พี่มิ้นท์

พี่มิ้นท์เป็นคนที่ชอบกินปููดองมาตั้งแต่ยังเป็นสาวๆค่ะ สมัยก่อนต้องขับรถไปกินถึงมหาชัยนะคะ กินแล้วยังซื้อปููหิ้วกลับมาดองน้ำปลาที่บ้านอีก ลองมาหลายสููตรแล้วค่ะ บางสููตรก็ดองด้วยน้ำปลาล้วนๆ ดองกันหลายวัน แต่โดยส่วนตัวพี่มิ้นท์แล้วไม่ชอบกินปูดองที่เค็มมากๆ หรือเค็มแหลมๆเลยค่ะ ชอบแบบกลมกล่อมหวานเนื้อปูู มาดููหน้าตาอาหารจานนี้กันค่ะ 

ยำปููดอง

เครื่องปรุง

◊ ปููทะเล หรือปููดำ เป็นๆ สดๆ ๑ ตัว ประมาณ หนักประมาณ ๗ ขีด ถึง ๑ กิโลกรัม
◊ น้ำปลา ๒๐ ช้อนโต๊ะ หรือ ๔ ทัพพี
◊ น้ำเปล่าต้มสุก ๑๐ ช้อนโต๊ะ หรือ ๒ ทัพพี
◊ น้ำตาลทราย ๕ ช้อนโต๊ะ หรือ ๑ ทัพพี
◊ เกลือเม็ดใหญ่ ๒ ช้อนโต๊ะ

สููตรนี้สำหรับการดองปููแบบเร่งด่วน คือดองปููที่หั่นเป็นชิ้นๆแล้วค่ะ สำหรับการดองปููทั้งตัวต้องเพิ่มทุกอย่างจากสููตรอีก ๑ เท่าตัว จึงจะได้น้ำดองท่วมตัวปูู สููตรเพิ่มเติมน้ำปลาได้ค่ะชิมรสตามชอบ

วิธีทำ

◊ นำปููทะเลเมล้างให้สะอาด ขัดให้เกลี้ยงเกลาหมดจดหมดกลิ่นคาวทะเล กำจัดตะไคร่เขียว เพรียง ที่เกาะตามตัวปููให้หมดไป แล้วก็นำไปแช่ในช่องแข็งค่ะ
◊ ระหว่างนี้มาเตรียมน้ำดองปููกันค่ะ นำน้ำปลา น้ำต้มสุก น้ำตาล เกลือ ใส่ลงผสมในหม้อนำไปตั้งไฟให้ร้อน คนให้ทุกอย่างละลายเข้ากัน ปิดไฟ ยกลง ตั้งทิ้งไว้ให้เย็น
◊ นำปููออกมาใส่ภาชนะสำหรับดองปูู เทน้ำปลาที่ผสมแล้วและทิ้งไว้จนเย็นลงไปให้ท่วมตัวปูู ปิดฝา นำเข้าตูู้เย็น ทิ้งไว้หนึ่งคืน รุ่งขึ้นก็นำมายำได้ ก่อนนำมายำจะเอาปููใส่ช่องฟรีซไว้สัก ๓๐ นาทีก็ได้ค่ะเพราะบางคนจะชอบแบบเย็นๆ

น้ำปลาที่ผสมเจือจางแล้วค่ะ (ควรใช้น้ำปลาอย่างดีนะคะ)


วันนี้พี่มิ้นท์ใจร้อนจะกินแบบเร่งด่วนค่ะ นำปููจากช่องฟรีซมาแกะกระดอง ตะปิ้ง ดึงนมปููทิ้ง ล้างให้สะอาดปราศจากขี้โคลนโดยเฉพาะบริเวณใต้นมปูู หั่นปููเป็นชิ้นๆไม่หนาไม่บางจนเกินไป บุบก้ามปููให้แตกนิดหน่อย


นำปููใส่ภาชนะ ราดด้วยน้ำปลาผสมที่เย็นแล้ว ปิดฝา นำเข้าตููเย็นไว้ประมาณ ๓ ชั่วโมง จึงนำมายำค่ะ


สามชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนโกหก มาเตรียมน้ำยำกันค่ะ

เครื่องปรุง

◊ พริกขี้หนููสด ๑๕ เม็ดสับพอละเอียด
◊ กระเทียมโทนจีน ๒ หัวใหญ่ (กระเทียมไทยมากน้อยตามชอบ)สับพอละเอียด
◊ ก้านผักชีสับ ๑ ช้อนโต๊ะ
◊ น้ำมะนาว ๑ ถ้วย (ลููก)

พี่มิ้นท์ไม่ใส่น้ำตาล น้ำปลานะคะเพราะปููดองจะรสชาติกลมกล่อมดีแล้วจากการผสมน้ำดอง แต่ถ้าชอบก็เดาะลงไปสักปลายช้อนชา (ไม่นิยมผงชููรสค่ะ)


จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดผสมให้เข้ากัน นำไปราดปููดองที่นำมาจัดเรียงใส่จานไว้แล้ว โรยต้นหอมซอยนิดหน่อยก็เสริฟได้ค่ะ รับรองถ้าปููสดจริงไม่ท้องเสียค่ะ ทำกินมา ๓๐ กว่าปีแล้วจ้า



ไม่ได้กินปููดำมาหลายปีแล้วนะ แต่บังเอิญไปเจอน้องคนไทยเค้าคุยให้ฟังว่าได้กินปูดำอร่อยมากๆ ส่งมาจากเมืองไทย เราก็ตาโตตามไปดููถึงที่ ปรากฎว่าเป็นปููดำจริงๆค่ะ แต่เป็นปููแช่แข็ง ก็ผิดหวังนิดหน่อยแต่ก็ซื้อมาหลายกิโลเหมือนกัน เพราะว่าอยากกินมากๆ ผลปรากฎว่าปููสดมากๆค่ะ อร่อยไม่มีที่ติ ทดลองกินมาเป็นปีแล้วค่ะ ทั้งนึ่ง ผัด พล่า ยำ ดอง ไม่เคยท้องเสียเลย จึงตัดสินใจนำมาโพสต์ค่ะ แต่ไม่ทราบว่าที่ประเทศอื่นจะหาได้หรือเปล่านะคะ ปููจะหั่นมาเรียบร้อยแล้วฟรีซมาเป็นถุงๆละ ๑.๕ กิโลกรัม ก้ามปููใหญ่มาก มีครบก้ามไม่หายค่ะ เดี๋ยวดููรููปนะคะ ที่ซื้อมานี่จะเป็นเบอร์ M ราคาถุงละ ๑๑๐ โครน (หกร้อยกว่าบาท) ก็ไม่แพงนะ (ไม่มีกระดอง นมปูู หรือโคลนติดมาเลย)


ปููนี้มาจากประเทศมาดากาสการ์ค่ะ มหาสมุทรอินเดีย แถบๆชายฝั่งอาฟริกานะ ถึงได้มีหน้าตาเหมือนปููดำทางบ้านเราค่ะ เพราะมาจากมหาสมุทรอินเดียเหมือนกันไง ยังไงก็ขอยืนยันค่ะ ถึงจะตายแล้วแต่อร่อยเหมือนขึ้นจากทะเลจ้า จริงๆแล้วเวลาไปกินที่ไทยยังโดนหลอกเอาปููตายนานแล้วมาปรุงให้เรา ถึงเราจะชี้ตัวเป็นๆก็เถอะ แต่ไอ้ตัวที่ตายมันนอนอยููในครัว ที่ทราบเพราะว่าพี่มิ้นท์เป็นคนที่ถ้ากินของทะเลไม่สดจะแพ้ค่ะ จะขึ้นผื่นลมพิษตามตัวหููตาบวมปิด แต่นี่สดจริงๆ นี่น่าจะเป็นยี่ห้อการค้านะคะ หาซื้อได้ตามร้านจีน และเวียตนาม

 

ดููก้ามนะมันใหญ่มาก เนื้อหวานอร่อย เดี๋ยวคราวหน้าจะทำก้ามปููอบหม้อดินมาให้ชิมนะจ๊ะหมููแดงและน้องๆทุกคนที่ชอบกินปูู


การก่อผนังอิฐบล็อก

ที่มา :  https://itdang2009.com/อิฐบล็อก-และเทคนิคการก่/ อิฐบล็อก และเทคนิคการก่ออิฐบล็อก ...