วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

ผจญมาร (ตอนที่ 1)

โดย เผด็จ ผ่องสวัสดิ์ บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ปัจจุบัน คือ พระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณ
อ้างอิงจาก facebook โอวาทอันทรงคุณค่าจากพระพ่อ


.....เรื่องราวทั้งหมดนี้ ข้าพเจ้าเขียนขึ้นจากบันทึกประจำวันเกี่ยวกับประสบการณ์ในการฝึกสมาธิและการฝึกใช้อำนาจจิตทั้งที่เป็นวิชาพระและวิชามารควบคู่กันไป.....สำหรับวิชามารนั้นข้าพเจ้าเรียนด้วยความหลงเข้าใจผิด คิดว่านั่นคือวิชาพระหาได้เป็นเพราะข้าพเจ้ามีจิตใจใฝ่ต่ำไม่
.....การที่ข้าพเจ้าเขียนเรื่องผจญมารขึ้นนี้ไม่ใช่ต้องการจะอวดศักดา อภินิหาร ความวิเศษเก่งกล้า หรือมุ่งตำหนิติเตียนผู้ใดให้เสียหาย
.....โดยเนื้อแท้ก็เพื่อเชิดชูพระพุทธศาสนาให้สูงเด่นเป็นศรีสง่ายิ่งขึ้น และต้องการเตือนใจเยาวชนรุ่นหลัง ไม่ให้หลงเดินทางผิดตามข้าพเจ้ามาอีก
.....ในเวลาเดียวกันก็หวังจะให้เป็นเสียงตะโกนกู่เตือนใจผู้ที่หลงเดินทางผิดไปแล้ว รู้สึกตัวรีบกลับใจเปลี่ยนทิศทางเดินเสียใหม่
.....จะได้ถูกต้องร่องรอยตรงตามหลักธรรมที่เป็นเนื้อแท้ของพระพุทธศาสนา
.....เมื่อข้าพเจ้ากลับคิดทบทวนย้อนหลังไปถึงการฝึกสมาธิของตนเองในอดีตแล้ว ทำให้ใจหาย ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่แล้วมา ข้าพเจ้าได้ย่ำไปทั่วขุนเขาลำเนาป่า
.....เพื่อเสาะหาผู้รู้การปฏิบัติวิปัสสนาที่แท้จริง สู้ทนตรากตรำเข้าไปปรนนิบัติวัฏฐากพระธุดงค์ทรงศีลที่ซ่อนตนปฏิบัติธรรมอยู่ ตามถ้ำ เขา ลำเนาป่าหวังให้ทานสอนธรรม
.....ที่ใดที่มีข่าวเล่าลือกันว่า มีผู้ศักดิ์สิทธิ์ ผู้วิเศษ ผู้รู้ธรรมที่นั้น ข้าพเจ้าต้องตั้งต้นซอกซอนจนถึง ขอพบกราบเท้าท่านจนได้
.....สำนักปฏิบัติธรรมทุกแห่งประมวลมีในสมัยนั้น ข้าพเจ้าก็ได้ไปถึงแล้วเกือบทั้งสิ้น
.....แต่น่าเสียดาย ส่วนมากข้าพเจ้าพบแต่การอบรมสั่งสอนชนิดที่เรียกว่า มารแท้ๆกับพระปนมารทั้งนั้น
.....จนกระทั่งเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วนี้จึงได้พบและเรียนวิชาพระล้วนๆ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมความปรารถนา
.....ถ้าหากว่าข้าพเจ้าได้เรียนวิชาฝ่ายพระโดยตรงตั้งแต่เริ่มแรก ป่านนี้คงจะก้าวหน้าไปได้ไกลโขทีเดียว

***หลวงพ่อลี
.....ย้อนไปเมื่อ พ.ศ.2498 ข้าพเจ้าเพิ่งจะรุ่นหนุ่มอายุได้ 15 ปี กำลังเรียนอยู่ในชั้นมัธยมปีที่ 5 วัยนี้เป็นวัยที่เลือดลมกำลังร้อนระอุ
.....ดังนั้นความหมายมั่นปั้นมืออยากจะเป็นบุคคลสำคัญเหนือคนอื่นย่อมมีอยู่ในสายเลือดข้าพเจ้าบ้างเป็นธรรมดา
.....ประกอบกับความเป็นหัวโจกมีนิสัยเป็นผู้นำ ทำอะไรชอบทำจริง และการเรียนก็ไม่เคยน้อยหน้าใคร ทำให้ข้าพเจ้าออกจะห้าวหาญเอามากๆมีบ่อยครั้งเหมือนกันที่เกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งเสีย เพราะความดื้อรั้น
.....แต่จะผิดชอบชั่วดีสถานใดก็ตามเถิด สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าพอใจกระทำเสมอมาคือชอบไปวัดเพื่อหาโอกาสสนทนาธรรมกับ พระภิกษุผู้ฝักใฝ่ในการฝึกสมาธิและวิปัสสนา
.....มาทราบภายหลังว่า นี่เป็นผลของกุศลกรรมในอดีตชาติ
.....ข้าพเจ้าเริ่มลงมือฝึกสมาธิด้วยตนเอง โดยอาศัยค้นคว้าจากตำรับตำราที่พอจะหาได้จากห้องสมุดประชาชน
.....ขั้นต้นลงมือฝึกสมาธิแบบอานาปานสติ คือฝึกกำหนดสติไว้กับลมหายใจเข้าออก ตามวิธีของหลวงพ่อลี วัดอโศการาม เพราะเห็นว่าเป็นวิธีที่ง่ายวิธีหนึ่ง ผลการฝึกได้รุดหน้าไปด้วยดีตามลำดับและไม่มีอุบัติเหตุใดๆเกิดขึ้น
.....บางครั้งเมื่อเป็นสมาธิแน่วนิ่งดี จะเกิดอาการ คล้ายตกหลุมอากาศบ้าง รู้สึกว่าโลกนี้ทั้งโลก ไม่มีอะไรเลยแม้กระทั่วตัวเองบ้าง รู้สึกสดชื่นเป็นสุขอย่างชนิดที่หาไม่ได้อีกแล้วในโลกบ้าง
.....บางครั้งทั้งที่กำลังหลับตาก็เห็นเป็นพระพุทธรูปลอยอยู่กลางอากาศ เบื้องหน้าบ้าง ถ้านึกจะขยายให้ใหญ่หรือย่อให้เล็กพระพุทธรูปนั้นก็จะขยายใหญ่ขึ้น หรือย่อเล็กลงได้ตามใจปรารถนา
.....บางครั้งก็เห็นเป็นแสงสว่างคล้ายแสงเงินแสงทองเมื่อยามอาทิตย์ขึ้นพ้น ขอบฟ้าคราวรุ่งอรุณบ้าง เห็นเป็นดวงกลมสว่างลอยอยู่เบื้องหน้าบ้าง ฯลฯ
.....ทุกครั้งที่นั่งฝึกสมาธิก็มีแต่จะสุขสงบยิ่งๆขึ้นไป มันช่างชื่นใจอะไรอย่างนั้น
.....ผู้ใหญ่หลายท่านจับตาดูข้าพเจ้าฝึกสมาธิด้วยความเป็นห่วง บางท่านเข้ามาเตือนด้วยความหวังดีว่าให้เลิกฝึกเสีย
.....เพราะไม่มีครูอาจารย์ควบคุมแนะนำ อาจจะเกิดการผิดพลาดทำให้เสียสติเป็นบ้าก่อนจะบรรลุมรรคผลก็ได้
.....นอกจากขอบคุณในความหวังดีของท่านและระวังคนเพิ่มขึ้นแล้ว ก็ไม่ทราบว่าจะทำอะไรให้ดีไปกว่านั้น
.....แต่จะให้เลิกฝึกสมาธินั้นเมินเสียเถอะ!
.....ยามว่างจากการเรียน ข้าพเจ้าตั้งหน้าฝึกสมาธิด้วยตนเองต่อไปไม่หยุดยั้งตามแต่โอกาสจะอำนวย

ไม่มีความคิดเห็น:

การก่อผนังอิฐบล็อก

ที่มา :  https://itdang2009.com/อิฐบล็อก-และเทคนิคการก่/ อิฐบล็อก และเทคนิคการก่ออิฐบล็อก ...