วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

วันฟ้าดับ มหาภัยพิบัติวันสิ้นโลก

บันทึกวันฟ้าดับหรือมหาภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นบนโลกนี้ ข้าพเจ้าได้รับทราบเหตุการณ์ภัยพิบัติจากบทความนี้มานานแล้ว และความรู้สึกสังหรณ์ใจตั้งแต่เด็กที่อยากมีที่ดินทำการเกษตรของตัวเองเพราะรู้สึกถึงความปลอดภัยด้านปัจจัยสี่ ทำให้วันนี้อยากจะแชร์ลงใน Blog ของข้าพเจ้า

เป็นบันทึกของลุงเพื่อเตือนหลานของเขา ลุงเป็นผู้ปฏิบัติธรรมที่นั่งสมาธิจนเห็นภาพอนาคต โดยลุงได้อธิษฐานจิตก่อนนั่งวิปัสนากรรมฐานเพื่อดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยในภายภาคหน้า

ข้าพเจ้าได้แก้ไขการย่อหน้า การเว้นวรรค คำผิด คำเชื่อมต่างๆ และเน้นข้อความเพื่อให้อ่านและเข้าใจง่ายขึ้น หากประสงค์จะอ่านจากต้นฉบับ ข้าพเจ้าได้แปะ link ไว้ให้แล้ว

ข้าพเจ้าขอกราบอนุโมทนาในความเมตตาของพระลุงเชียงใหม่และคุณวิกรม มา ณ ที่นี้  (- /|\ -)




เรียนสมาชิกทุกท่านครับ

หลังจากไตร่ตรองอยู่หลายวัน ผมตัดสินใจนำบันทึกทั้งหมดของพระคุณลุงออกนำมาเสนอก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติมากเกินไปกว่าที่จะคาดเดาได้ของมนุษยชาติในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย โดยที่ผมมีส่วนได้เห็นคำบันทึกอันเนื่องมากจากญานของพระคุณลุง โดยที่ผมไม่ได้นำมาเสนอให้มีการเตรียมการกัน จะเป็นบาปติดในใจผมซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์แบบในบันทึกที่เขียนไว้ แม้นว่าตัวผมเองจะได้วางอุเบกขา แต่ว่าถ้าไม่ได้เผยแพร่สิ่งนี้ออกไป ผมถือว่าผมขาดเมตตา

จะเชื่อหรือไม่เป็นเรื่องของบุญกรรมของท่าน ในส่วนตัวผมเองถือว่าได้เผยแพร่สิ่งที่ติดค้างในใจผมแล้ว ผมขอแบ่งบันทึกออกเป็น 4 ตอนนะครับ

1. เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันฟ้าดับ
2. เรื่องราวที่จะเกิดตามมาหลังวันฟ้าดับ 3 วัน
3. เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นหลังจากวันฟ้าดับ
4. คนไทยจะเผชิญกับสิ่งใดบ้าง


1.เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันฟ้าดับ

วิกรมหลานลุง หลังจากลุงได้แจ่มชัดในญานทัศนะในสิ่งที่จะเกิดขึ้นแล้ว ทำให้จิตใจของลุงเองเศร้าหมอง จนไม่อาจข่มจิตให้เป็นอุเบกขาว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีกรรมเป็นของตัวเอง การเข้าไปก้าวล่วงกรรมของผู้อื่นนั้น ผู้ที่เข้าไปเปลี่ยนแปลงนั้นจะต้องเป็นผู้แบกรับกรรมนั้นๆไว้ 

หลังจากบันทึกนี้ลุงตัดสินใจที่จะออกบวช เรื่องราวที่มีการเตรียมการกันนั้น ฝากให้หลานดูแล ประสานกับคุณลุงประสิทธิ์และกลุ่มบ้านพุทธบุตร เพื่อช่วยเหลือกันตามกำลังบุญต่อไป เรื่องราวที่ลุงบันทึกทิ้งไว้ใหลานนี้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้หลานและคณะเกิดความประมาทในสิ่งที่จะเกิดขึ้น ทั้งในด้านการเตรียมการภายนอกและการเตรียมการภายใน เน้นย้ำเรื่องการฝึกตายก่อนตาย เพื่อให้จิตคุ้นเคยกับอาจิณณกรรมในทางสว่าง ย้ำกับน้องๆและหลานๆทุกคนด้วย 

เพราะกุญแจดอกแรกที่จะเปิดเข้าไปในโลกแห่งวิญญานนั้น คือจิตสุดท้ายก่อนตาย จิตจะคุ้นเคยกับสิ่งที่ทำบ่อยๆหรืออาจิณณกรรม เพราะถ้าจิตผูกยึดกับสิ่งใดในขณะที่ขาดห้วงลมหายใจสุดท้ายนั้น หากมีเพียงแค่เสี้ยวอึดใจอาจจะถลำลงสู่อบายภูมิถ้าจิตขณะนั้นเป็นอกุศล

หมั่นทำทานในสิ่งที่ทำได้ยากเพื่อไม่ให้ตัวเรายึดติดกับคนสัตว์สิ่งของใดๆ อันจะเป็นแรงเหนี่ยวรั้งเราไปสู่การเกิดที่ไม่เป็นกุศล หมั่นเจริญมรณานุสสติ

เรื่องราวที่ลุงได้บันทึกไว้ให้หลานนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดจากญานทัศนะของลุง เพื่อให้หลานจะได้เตรียมตัว เตรียมใจ วันเวลาอาจจะมีการคลาดเคลื่อนบ้างตามเหตุและปัจจัย แต่เรื่องราวที่จะเกิดขึ้น สิ่งที่เตือนซึ่งวันเกิดภัยพิบัตินั้นไม่เปลี่ยนแปลง


เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นนั้น ลุงขอเรียกว่าวันฟ้าดับก็แล้วกัน เพราะในยามนั้น สิ่งที่เกิดขึ้น ทุกด้านมืดสนิท ยามที่เราหลับตาตอนนี้ยังมีความสว่างมากกว่าเสียอีก ลุงบันทึกหลังจากอธิษฐานจิตไปยังวันก่อนหน้าที่จะเกิดภัยพิบัติประมาณ3วัน7วัน

ก่อนหน้านั้นลุงเห็นคนที่มีจิตเป็นอกุศลกรรมได้เฉลิมฉลอง จุดพลุ ร้องเพลงปีใหม่และนับย้อนหลังในวันสิ้นปี (ลุงจึงคาดว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นหลังฉลองสิ้นปีใหม่)

ลุงเห็นดาวเหนือเปลี่ยนไปในลักษณะที่อธิบายไม่ถูก แต่มีความแตกต่างและเห็นได้เจนทั้งขนาดและความสว่าง (จุดนี้น่าจะเป็นสัญญานเตือนให้มีการเตรียมการกันนานหลายวัน)

ในวันฟ้าดับ ก่อนหน้านั้นจะมีฝนตกต่อเนื่องกันหลายวัน แล้วในวันนั้นไร้ฝน ฟ้าหม่นหมองยิ่งนัก ใบไม้เงียบจนไม่พลิกใบ ฝูงสัตว์เลี้ยง สัตว์ป่า จะครวญครางแอบหมอบ


ลุงเห็นฟ้าสว่างโร่อย่างไม่เคนเห็นมาก่อน (ทำให้ลุงนึกถึงเรื่องราวที่คนเล่าถึงแสงสว่างจากระเบิดปรมาณู ) ในยามที่เกิดแสงสว่างลุงขอเตือนหลานและทุกคนอย่าพยายามที่จะมองหาต้นทางของแสง เพราะหลังจากนั้นลุงเห็นภาพคนที่ตามืดบอดเนื่องจากแสงจักรวาลที่ฟาดลงมาแทงทำลายตาของเขา

แต่หลังจากเกิดแสงนี้แล้วหลานยังมีเวลาเตรียมตัว ในช่วงนี้เองสัตว์ต่างๆจะตื่นกลัววิ่งหนีแบบไม่มีทิศทาง บ้านเราถ้ามีสัตว์ใดขอให้หลานอย่าได้กักขังเขา เพราะจะเป็นอันตรายแม้แต่สัตว์ที่เชื่องที่สุด แต่ก็มีบางตัวที่จะรอดนั้นจะหมอบตัวสั่นใกล้ๆกับมนุษย์

ในยามนี้ขอให้หลานได้เข้าไปยังสถานที่ที่มีการเตรียมการและปิดให้มิดชิด อาหาร น้ำ ยา และชุดยังชีพให้ทุกคนแยกติดตัวไว้ อย่าเอารวมกันเพื่อการแบ่งปันกัน เพราะอาจจะลำบากมากในการติดต่อกันแม้ว่าจะอยู่ใกล้กัน


ส่วนการย้ายเข้าที่ปลอดภัยและสถานที่ที่มีการเตรียมการอพยพ ขอให้หลานๆได้เตรียมตัวกันให้เต็มที่หลังจากที่เห็นดาวเหนือเปลี่ยนไป 

หลังจากที่มีแสงจักรวาลเข้ามาแล้ว หลังจากนั้นอีกไม่นานนักลุงเห็นภาพคนกำลังทานข้าวกันอยู่ จะเกิดเหตุการณ์เหมือนโลกชนกับอะไรสักอย่าง คนที่อยู่บนผืนดินเหมือนคนที่อยู่บนรถขนาดใหญ่ที่มีการชน ภาพคนล้มไถลไปกับพื้น ตึกพังทลายราบลงมาทันที ไม่ทันได้ตั้งตัว

จะมีเสียงดังเหมือนวัวยักษ์ครางอือๆๆๆๆๆ  ขอให้หลานและทุกคนอยู่ในห้องแข็งแรง(ชื่อห้อง)ของเรา หรือคนที่อยู่ข้างนอกให้เข้าไปยังสถานที่ที่มีหลังคาแข็งแรงและปิดหูด้วยอุปกรณ์ป้องกันเสียงที่ลุงได้ให้เตรียมไว้แล้ว เพราะเมื่อเสียงวัวยักษ์ร้องเงียบลงไม่กี่อึดใจ ลุงเห็นภาพผู้คนวิ่งออกจากตึกเพราะกลัวแผ่นดินไหวที่จะตามมา

หลังจากนั้นจะมีเสียงดังที่สุด ซึ่งลุงก็บอกไม่ได้ว่ามันดังแค่ใหน แต่หลังจากนั้นลุงเห็นผู้คนเลือดออกจากรูหู นอนเกลือกกลิ้งไปตามพื้น ตาเหลือกถลน คนที่เอามืออุดหูทันก็ยังไม่สามารถป้องกันได้ เพราะลุงเห็นคนที่พยายามสื่อสารกัน แต่เหมือนกับว่าคนในโลกนี้แก้วหูขาดไปหมดสิ้นแล้ว เสียงตะโกนโหวกเหวก แต่ต่างคนต่างไม่รู้เรื่อง

ลุงจึงขอย้ำเตือนหลานตรงนี้เรื่องการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันหูอย่างดีที่สุด อาจจะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้

หลังจากนั้นลุงเห็นภาพที่ทุกคนกลับมาตื่นกลัวอีกครั้งจากแผ่นดินไหวรุนแรงและสั่นต่อเนื่องกัน ผิดจากครั้งแรกที่เหมือนจะชนโครมเดียวแล้วหยุด แต่คราวนี้เป็นเหมือนมีคนจับเอาเราอยู่ในกระด้งแล้วเคาะขอบมันอย่างแรงอย่างต่อเนื่อง

เสียงหวีดร้องตื่นกลัวดังไประงม แต่ในยามนั้นนิมิตของลุงอาจจะมีเพียงลุงในจุดนั้นที่ได้ยินเสียง  เพราะภาพคนที่วิ่งไปมามีเลือดไหลออกจากหู ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนาที่พ่อแม่หอบลูกหลานออกมาจากอาคารบ้านเรือนที่กลัวแผ่นดินไหว แต่เมื่อเจอเสียงดังก็วิ่งกลับเข้าไปในที่ที่คิดว่าปลอดภัย และพอแผ่นดินไหวก็พากันวิ่งกระเซอะกระเซิงออกมาอีก

หลานวิกรม ลุงเห็นภาพที่สร้างความน่าเวทนา สงสารสรรพสัตว์ทั้งหลายว่าชีวิตมีเพียงแค่นี้เอง แต่ยังไม่จบสิ้นแค่นี้นะ . .

ภาพผู้คนที่วิ่งหลบแผ่นดินไหวออกมานั่งกอดกัน ร้องไห้เป็นกลุ่มๆ มีควันไฟที่เกิดจากไฟไหม้ลอยคละคลุ้งไปหมด หลายคนที่เสียสติเริ่มต้นร้องไห้ ภาพพ่อแม่พยายามค้นหาลูกหลานที่ติดอยู่ในซากปรักหักพัง ต่างคนต่างร้องไห้ฟูมฟาย ไม่มีใครสามารถช่วยใครได้

ในตอนค่ำลุงเห็นคนมารวมกันมีการก่อกองไฟ อากาศหนาว แต่ลมสงบนิ่ง ตอนนี้ลุงเห็นขอบฟ้าแดงจ้าจนน่ากลัว และสิ่งที่ลุงเรียกว่าวันฟ้าดับก็เกิดขึ้น . . .

ลุงเห็นแสงสีแดงพุ่งมาจากพระอาทิตย์วาบหนึ่ง หลังจากนั้นแสงทั้งหมดก็จะม้วนเข้าไปในรูปทรงกลม ลูงไม่รู้จะเรียกว่าอะไร น่าจะเป็นพระจันทร์ดำ เพราะเป็นสีดำๆเหมือนจันทรุปราคาที่มาบดบังพระอาทิตย์แต่เล็กกว่ามาก แต่ตอนนั้นก็ยังเห็นพระจันทร์อยู่

แล้วบรรยากาศที่เหมือนกับเราดับเทียนในห้องมืดที่สุดก็เกิดขึ้น . .   พรึบเดียวแสงทั้งหมดจะหายไป แม้แต่ดวงดาวและพระจันทร์ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ ความมืดในขณะนั้นลุงเห็นคนพยายามยกมือของตนเองขึ้นมาดูก็ยังไม่สามารถเห็นได้

ความตื่นกลัวก็เกิดโกลาหลอีกครั้ง คนจะกอดคนที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วร้องไห้ระงม คนที่อยู่ห่างจากคนอื่นแม้แต่วาเดียวก็ไม่สามารถหากันเจอ จนกว่าจะคลำหากันเจอ ช่างเป็นภาพที่น่าเอนจอนาถมาก

คนส่วนใหญ่ที่หูแตกดับ หรือคนที่อุดหูทันก็จะมีอาการหูอื้ออยู่ แต่ก็พอยังมองเห็นกัน  แต่ในยามมืดสนิทแล้ว เสียงคนพยายามตะโกนหากัน เสียงหวีดร้อง โหยหวนด้วยความกลัว แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ได้ยิน ได้แต่สะเปสะปะไขว่คว้าหากัน 

เพราะเหตุนี้ลุงถึงได้ย้ำกับหลานว่า ให้แยกเป้ที่จัดเตรียมไว้ให้สำหรับแต่ละคน และเมื่อเข้าไปอยู่ในที่ห้องปลอดภัยที่ได้เตรียมสร้างไว้ ขอให้หลานสร้างตามแปลนที่ลุงได้เขียนไว้ให้ ตู้คอนเทนเนอร์ที่เตรียมทั้งตู้อาหาร ตู้ปลอดภัย(ชื่อตู้) และโรงพยาบาลเคลื่อนที่ด้วย

ตอนนี้ดึกมากแล้ว ลุงง่วงแล้ว แต่ยังอยากบันทึกไว้ให้หลานให้เสร็จก่อนที่จะเดินทางไปหาพระอาจารย์ ภาพที่เกิดขึ้นลุงรู้สึกเศร้าใจกับญานทัศนะที่ลุงได้เคลื่อนไปในยามที่เด่นชัด เจอกับภาพภัยพิบัติที่หนักหนาสาหัสกว่าที่ลุงเตรียมการไว้ จนเกิดเวทนาในสัตว์โลก และเห็นการคร่ำครวญของคนที่ไม่เคยศึกษาธรรมะ และไม่ได้เตรียมตัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นและไม่ได้เตรียมมรณานุสสติไว้เลย

ในส่วนที่ลุงบันทึกนี้ คนที่มีกรรมและไม่เคยฝึกสมถกรรมฐานผ่านในขั้นรูปฌานและอรูปฌาน4  หลานอย่าไปอธิบายเขาเลย เพราะจิตเขาหยาบเกินกว่าที่จะเข้าใจ

ในวันฟ้าดับยังมีเรื่องเอนจอนาถซ้ำเติมมนุษย์ที่ไม่ได้เตรียมการอีก หลังจากที่มืดมิดแล้วลุงยังเห็นภาพคนคลานหนีหรือกอดกันร้องไห้ เพราะยังมีอาการแผ่นดินไหวเป็นระยะๆมากบ้างน้อยบ้าง ภาพเพดาน ภาพสิ่งของเท่าที่คนไปแอบซุกอยู่หล่นลงมา มีคนเจ็บคนตายร้องครวญคราง


แต่วิกรมมีสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ คนที่รอดตายขณะนั้น จะตายเพิ่มขึ้นอีก . .

ลุงเห็นภาพก้อนน้ำแข็งเท่าโทรทัศน์ เท่าบาตร หรือบางก้อนขนาดเท่าตู้เย็นเล็ก ทยอยตกลงมาจากฟ้า ส่วนก้อนขนาดกำปั้น ตกกระจายไปทั่ว คนที่หลบหนีหลังคาที่หักโครมลงมาออกมาอยู่ท่ามกลางความมืดในที่โล่ง ต้องมาตายกับฝนลูกเห็บยักษ์ที่มีความเย็นจัดมาก เพราะลุงเห็นภาพคนนอนแข็งตายกลาดเกลื่อนเต็มไปหมด

แต่ภาพที่เกิดหลังจากนี้ หลานคงคิดว่ามนุษยชาติจะอยู่อย่างไร? เมื่อลุงอธิษฐานจิตไปดูหลังจากนี้แล้ว กลับเอนจอนาถยิ่งกว่า . .

ลุงจะพยายามทบทวนเรียบเรียงสิ่งที่ลุงเห็นมา บันทึกให้หลานๆได้นำไปเตรียมตัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด ในสิ่งที่ลุงเห็นมานั้นไม่เคยแจ่มชัดเท่านี้มาก่อน ลุงได้อธิษฐานว่าถ้าลุงมีบารมี และมีบุญที่เกี่ยวเนื่องกับพระอาจารย์โสณะ ขอโปรดเมตตาให้ญานทัศนะของลุงชัดเจนแจ่มใส จนได้เห็นภาพเหล่านี้ขึ้นมา

ขอพระบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์ทุกพระองค์ได้โปรดเมตตาสรรพสัตว์ และหลานๆด้วย
ลุงหมอ
****************************************
Postโดย วิกรม หลานพระคุณลุง
ในส่วนที่เหลือผมจะทะยอยนำมาโพสส์ต่อครับ


ช่วงที่สองของบันทึกพระคุณลุงครับ ส่วนใหญ่เป็นการสั่งความผมครับ
**************************************************

2. เรื่องราวที่จะเกิดตามมาในวันฟ้าดับ 3 วัน
*********************************

วิกรม ที่ลุงฝากบันทึกนี้ให้หลาน เพราะลุงคาดว่าต้องใช้เวลาสองสามวันที่จะบันทึกให้เสร็จทั้งหมด เพราะพิมพ์ได้ช้ามาก และที่มอบให้หลาน เพราะหลานเป็นญาติเพียงคนเดียวที่สามารถแยกกายจิตออกจากกันได้ รวมทั้งฝึกสมถะกรรมฐานได้ในระดับที่จะสามารถสื่อสารทางจิตกับลุงได้ แม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถจะไปหน้าหรือย้อนกลับในเรื่องราวของตนเองได้ดีแต่ขอให้หลานตั้งใจฝึกฝน รายชื่อพระอาจารย์ที่หลานควรจะเดินทางไปฝึกฝนต่อไป
บันทึกในส่วนนี้ลุงขอเล่าในเรื่องหลังจากผ่านคืนฟ้าดับมาแล้ว เพื่อให้หลานๆได้เตรียมตัว  บันทึกเมื่อคืนก่อนแม้ลุงจะไม่ได้บันทึกละเอียดได้เท่าที่ลุงเห็นมา แต่ภาพรวมก็คงไม่ขาดไปมาก ที่ลุงต้องรีบบันทึกเพราะวันที่17นี้ ลุงจะเดินทางตามพระอาจารย์ไปหลวงน้ำทา ประเทศลาวตอนบน

วิกรม ในส่วนของพื้นที่ที่ได้มีการจัดเตรียมไว้นั้นที่ลุงประสิทธิ์เสนอย้ายให้ไกล้ลงมานั้นและรับคนในหมู่บ้านให้มากเพิ่มนั้นลุงขอเล่าเรื่องที่ลุงเห็นมา จะตัดสินใจอย่างไรแล้วแต่หลานๆจะร่วมกันพิจารณา

บันทึกในส่วนก่อน ลุงเล่าถึงเรื่องก้อนน้ำแข็งที่ตกมาจากท้องฟ้า ทำให้อากาศหนาวเย็นและลมแรงมาก ในส่วนของตู้คอนเทนเนอร์ที่นำมาสร้างห้องแข็งแรง(ชื่อห้อง)นั้น ขอให้ใช้ตู้เหล็กขนาดใหญ่ที่ลุงสั่งมา และให้เร่งเสริมเหล็กกันกระแทกด้านบนและด้านข้าง ให้เลือกตู้ที่ใช้เป็นห้องเย็น เพราะจะช่วยเรื่องอากาศหนาวเย็นหลังจากมีก้อนน้ำแข็งตกลงมาจากฟ้าได้ดี ในส่วนของตู้สำหรับบรรจุอาหาร ถ้าสามารถรวบรวมเงินได้ ก็ให้เปลี่ยนเป็นตู้แบบตู้ห้องเย็นทั้งหมด ก็จะปลอดภัยมากขึ้น

เหตุผลที่ไม่ควรย้ายลงมาเพราะว่า ภาพที่ลุงเห็นถัดไปก็คือ หลังจากที่โลกหยุดกึ๊กชั่วขณะหนึ่งนั้น ปรากฎภาพน้ำข้ามภูเขาจำนวนมากมาย ลุงเห็นภาพกรุงเทพจมหายไปกับสายน้ำ ภาพเขื่อนภมิพลและหลายๆเขื่อนลุงไม่แน่ใจว่าเขื่อนอะไรบ้าง บิดร้าว ตัวเขื่อนแม้ไม่แตกสลายแต่ขอบๆเขื่อนที่เป็นภูเขาเป็นดิน มีรอยร้าวและมีน้ำกัดเซาะเข้าไป จนน้ำทะลุภูเขาอีกด้าน จนสุดท้ายภูเขาก็ถูกแบ่งออกเป็นสองซีก ลุงเห็นภาพกระแสน้ำกวาดบ้านไปเหมือนของเล่น

ที่เชียงใหม่บ้านเราได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวมากไม่น้อยกว่าที่อื่นๆ แต่เรื่องน้ำบ่าไหลหลากนั้น เขื่อนแม่งัดและเขื่อนแม่กวงแตกพังทะลาย น้ำที่ทะลักออกมาจากเขื่อนจะกวาดบ้านเรือนที่อยู่ในส่วนตอนล่าง ลุงเห็นภาพเจดีย์ขาวที่อยู่หน้าเทศบาลที่ติดแม่น้ำปิง เห็นแค่ตัวยอดเจดีย์นิดเดียว

ฝากหลานไปบอกให้เจ้านิดหน่อย(ชื่อคน)กับลูกๆและแฟนเขา ให้ย้ายบ้านมารวมกับหลาน แบ่งพื้นที่หลังบ้านในส่วนของลุงยกให้นิดเลยก็ได้ หรือถ้าไม่อยากสร้างใหม่ก็มาอยู่ที่บ้านหลังเล็กของลุงเลย เพราะแถวอำเภอแม่ริมนี้จะได้รับผลกระทบจากการพังของเขื่อนไม่มาก เป็นเพียงแค่น้ำเอ่อล้นแผ่ออกมา แต่คาดว่าน้ำที่แผ่ล้นออกมาไม่ท่วมถึงหน้าวัดบ้านเรา หรือว่าน้ำที่ขึ้นมาก็คงไม่สูงมากเพราะปริมาณน้ำในเขื่อนแม่งัดน้อยกว่าเขื่อนแม่กวง

ภาพที่ลุงเห็นในเมืองเชียงใหม่ ตึกรามบ้านช่องที่พังทลายจากก่อนหน้านั้น ผู้คนที่ออกมาในคืนฟ้าดับจะโดนกวาดไปกับสายน้ำ ที่บ้านเราจะรุนแรงและต่อเนื่องกัน เพราะบ้านเราอยู่ใกล้เขื่อน น้ำใช้เวลาเดินทางเพียงสองสามชั่วโมงเท่านั้นเอง

คนแถวอำเภอสันทราย อำเภอดอยสะเก็ด  สะพานช่อแลคงเลี่ยงหนีไม่พ้น  มวลน้ำทั้งหมดจะกวาดผ่านลำพูนไปทั้งหมด แต่ด้วยระยะทางของน้ำก็จะเสียหายน้อยกว่าแถวอำเภอสันทราย อำเภอเมือง อำเภอสันกำแพง และแถวอำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน

ลุงอยากจะเตือนป้าแดงของหลานและญาติของเรา ก็แล้วแต่เขา จะฝึกจิตหรือเชื่อเรื่องการเปลี่ยนของโลกหรือไม่ คงแล้วแต่บุญกรรมของเขา แต่การสูญเสียของบ้านเราก็น้อยกว่าพื้นที่แถวเขื่อนใหญ่ๆที่มีมวลน้ำจำนวนมากอย่างเทียบไม่ได้ ลุงเห็นภาพเจดีย์วัดอรุณราชวรรามเห็นเพียงยอดฉัตรเท่านั้น หมายความว่ากรุงเทพฯคงไม่มีที่แห้งให้ยืน

ลุงย้ำตอนนี้ขอให้เลือกพื้นที่ อย่างไรก็ให้อยู่ตอนเหนือของเขื่อน เผื่อหลานจะแนะนำใครที่จะย้ายออกมา เพราะเชียงใหม่เองก็ไม่ได้ปลอดภัยทั้งหมด ในยามที่โลกมืดมิดมองไม่เห็นอะไรนั้น พอพ้นจากแผ่นดินไหว สายน้ำก็กวาดลงมาอีก จะมีใครสักกี่คนที่จะรอดผ่านไปได้ถ้าไม่มีการเตรียมการก่อนล่วงหน้า รวมทั้งการเลือกพื้นที่ที่ปลอดภัยก่อน เพราะในยามนั้นไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว

อดคิดถึงจังหวัดเชียงรายและพะเยาไม่ได้ ถ้าน้ำจากเขื่อนที่ประเทศจีน(เขื่อนสามผา หรือ  Three gorges dam)แตกลงมา ที่ว่าเป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็หมายถึงมีการกักน้ำได้มากที่สุด น้ำจะทะลักมาอีกมากเท่าไหร่ หลานอย่าแปลกใจเลยที่จุดปลอดภัยของจังหวัดเชียงรายอยู่ที่อำเภอดอยตุง

มีเรื่องที่หลานต้องเตรียมไว้ด้วยนะ เพราะว่าในช่วงที่โลกถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นความมืดแบบไม่มีแสงใดๆ แต่จะปรากฎฟ้าแลบ ฟ้าผ่าลงมา เสียงฟ้าผ่าที่ดังกว่าเสียงระเบิด ดังเปรี้ยงๆๆพอๆกับเสียงระเบิดหิน ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่ก้อนน้ำแข็งจะร่วงมาจากฟ้า

เพราะฉะนั้นเวลาที่มืดมิดแล้วเริ่มเห็นแสงขึ้นมาอย่าออกจากห้อง เพราะมันจะเป็นแสงฟ้าแลบและจะตามด้วยก้อนน้ำแข็ง ขอให้หลานๆอย่าได้พยายามที่จะเปิดอุปกรณ์ใดที่เป็นแสงเพราะจะเกิดการฟ้าผ่าเข้ามาที่บริเวณนั้น แต่ว่าในห้องสามารถที่จะใช้เส้นเรืองแสงที่ลุงให้เตรียมไว้ ในกรณีที่ต้องรักษาอาการบาดเจ็บของคน ต้องปิดประตูให้มิดชิด อยู่ในห้องแข็งแรงอีก3วันหรือจนกว่าอาหารในเป้ที่เตรียมไว้สำหรับทุกคนหมด ที่เตรียมไว้4วัน จึงออกมาจากห้องแข็งแรงได้

ในช่วงที่อยู่ในห้องแข็งแรง ขอให้หลานนำน้องๆและลูกสวดบทสวดมนต์ที่ลุงได้บังคับท่องให้ขึ้นใจ ไม่ต้องกลัวว่าใครจะได้ยินเพราะตอนนั้นคนส่วนใหญ่จะหูแตกหรือยังอื้ออึงอยู่ แต่จะช่วยป้องกันอมนุษย์หรือสิ่งที่หลุดออกมาจากโลกที่อยู่ต่างมิติเข้ามา หลานต้องเคี่ยวเข็ญยายจุ๊กจิ๊กกับหนูบ๊วย(ชื่อคน)สวดมนต์ด้วย อย่างน้อยต้องสวดบทชินบัญชรได้

วิกรม อย่าลืมน้ำผึ้งที่ลุงสั่งไว้ที่ฟาร์มผึ้งสุภาพ(ชื่อฟาร์ม)เอามาเก็บไว้ในห้องด้วย เพราะจะช่วยให้เด็กๆไม่ต้องทานอาหารแห้งๆอย่างไร้รสชาติไปหลายวัน

ย้ำเรื่องการออกจากห้องแข็งแรง อย่าออกไปจนกว่าจะเห็นแสงอาทิตย์จากข้างนอก หลังจากนั้น หลานอย่าได้รอที่จะย้ายขึ้นไปรวมกับลุงประสิทธิ์(ชื่อคน) แต่ต้องรอสังเกตุให้ฟ้าสว่างชัดเจนเสียก่อน  ถ้าขอบฟ้ายังเป็นสีเหลืองอมฟ้าอย่าเพิ่งรีบเคลื่อนย้าย ระวังอย่าให้ทุกคนหรือเด็กๆโดนฝนเป็นอันขาด เพราะในก้อนน้ำแข็งที่หล่นมาจากฟ้ามีเชื้อโรค ซึ่งยาในรายการที่ลุงเตรียมไว้ให้ในห้องยาของเราไม่ครอบคลุม

ลุงได้ตรวจสอบกับครูบาอาจารย์แล้วตรงกันคือวันฟ้าดับนั้นมีระยะเวลาประมาณ3วัน ซึ่งหลานอย่าได้กังวลเกี่ยวกับวันเวลา เพราะสิ่งที่ลุงไปเห็นมา มันมืดจนแยกเวลาไม่ออกว่าผ่านไปเทียบเท่ากับกี่วันในเวลาโลกปกติ 

ในส่วนที่อื่นๆหลานอย่ารู้มากกว่านี้เลย เพราะจะทำให้จิตใจเศร้าหมองกับการจากไปของญาติพี่น้องและคนที่รู้จักมากมาย

ขอให้หลานอย่าได้หยุดตั้งใจฝึกจิตของหลานให้มีจิตที่สามารถสื่อสารได้ และสามารถแยกกายแยกจิตจนชำนาญ ก็จะช่วยให้หลานเป็นที่พึ่งของคนอื่นๆได้

วันนี้คงได้แค่นี้สายตาลุงชักจะไม่ใหวแล้ว ในส่วนของบัญชีเงินฝากของลุง ที่มีในธนาคาร กรุงเทพ , กรุงไทย และกสิกรไทย ลุงได้เซ็นใบถอนทิ้งไว้แล้ว ให้หลานเบิกและย้ายมารวมกันในบัญชีธนาคารกรุงไทย ซึ่งเงินทั้งหมดลุงให้หลานเพื่อใช้ในการซื้อของสำหรับจัดเตรียมสร้างตู้คอนเทนเนอร์  เพื่อสะดวกในการทำงาน เพราะถ้าหลังจากนี้ลุงบวชเงินก้อนนี้ก็คงไม่จำเป็นสำหรับลุงแล้ว
****************************
โพสส์โดย วิกรมหลานพระคุณลุง


ตอนที่สามของบันทึกพระคุณลุง ครับ
*************************

3. เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นหลังจากวันฟ้าดับ
**************************

วันนี้วันที่15แล้ว ลุงมีเวลาอีกสองวันที่จะบันทึกก่อนที่จะเดินทางไปตามกำหนดที่ได้นัดหมายกับพระอาจารย์ไว้ ลุงจะพยายามบันทึกสิ่งที่มีประโยชน์ให้กับหลานและคณะที่เตรียมการกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเท่าที่ความสามารถและสายตาลุงสามารถทนได้กับจอคอมพิวเตอร์นี้

วิกรม เหตุที่ลุงต้องรีบให้หลานอพยพหลังจากที่ฟ้าสว่างแล้วนั้น เพราะหลังจากนั้นอีกไม่เกิน 10วัน ศพคนตายที่มีจำนวนมากได้เริ่มเน่าเหม็น แม้ส่วนใหญ่สายน้ำได้จะได้พัดพาผู้เสียชีวิตไปด้วยแล้ว แต่มีอีกเป็นจำนวนมากที่เสียชีวิตเนื่องจากหนาวตายจากอุณภูมิที่ก้อนน้ำแข็งได้ตกมาจากฟ้าและไม่ได้เตรียมการเอาไว้

อย่าห่วงของที่เหลือเพราะในหมู่บ้านที่มีการเตรียมการไว้มีอาหารเพียงพอสำหรับสมาชิกที่เคลื่อนย้ายขึ้นไป ทานอย่างประหยัดสามารถอยู่ได้นานกว่าสองปี ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นแกนโลกก็คงสมดุลย์และคนอื่นๆก็คงสามารถปรับตัวได้

ในระหว่างเดินทางนั้น ให้สวมชุดที่ใช้สำหรับการควบคุมโรคไข้หวัดนกที่ลุงได้ซื้อเตรียมไว้  และในระหว่างทางเมื่อเจอฝนให้ใช้ผ้ายางปันโจกางอีกครั้ง อย่าให้เด็กๆลุยฝน

ช่วงหลังจากนี้วิกรมควรพาน้องๆหลานๆไปออกกำลังโดยการเดินทุกวัน เพื่อในยามที่ต้องเดินเท้าจะได้ไม่ลำบาก ลุงทดลองเดินสบายๆโดยไม่หยุดเลย ออกจากบ้านแม่ริมตอนเช้า ไปถึงหมู่บ้านเราคงยังไม่ค่ำนัก ถ้าจำเป็นก็แบกเจ้าตัวเล็กๆ แล้วใช้ตัวลากบรรทุกของกระเป๋าเป้แบบล้อสูง ก็คงไม่ทุลักทุเลนัก แต่ที่แน่นอนคือเส้นทางเสียหายหมด แต่เส้นทางที่จะใช้เดินทาง หลานเดินทางไปบ่อยๆ ถึงจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็คงไม่คลาดเคลื่อนมากนัก

ในระหว่างทางถ้ามีการขออาหารหรือสิ่งของก็ให้ไปอย่าขัดขืน แต่ต้องรีบเดินทางให้ถึงเป้าหมายแต่ละที่ก่อนค่ำ เพราะในยามค่ำคืนนั้น จะมีอมนุษย์ที่หลงหลุดมาจากต่างภพต่างมิติ ที่คุ้นเคยกับความมืดจะมารบกวนเด็กๆได้

ลุงเล่าเรื่องที่ลุงเห็นผ่านญานให้หลานเตรียมตัวในช่วงนี้ เพื่อจะได้ประเมินสถานการณ์ได้ 
ลุงเห็นผู้คนในเมืองที่เสียสติไปคุ้ยเขี่ยหาอาหาร มีการปล้นฆ่ากัน ซากศพกองระเกะระกะ มีทหารถือปืนเสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่งไม่มีสภาพทหารออกมาปล้น โรงพยาบาลที่ลุงเคยทำงาน ตึกใหญ่ล้มพังถล่มลงมา ถนนหนทางที่เราเคยไปเดินกัน ถนนคนเดินสุเทพไม่เหลือสภาพให้จำได้

ลุงกำหนดจิตไปที่กรุงเทพฯเป็นภาพที่น่าเอนจอนาถใจมากกว่า น้ำยังไม่ลดลงมากเท่าไร แต่สิ่งที่ลอยเกลื่อนคือซากศพคนตาย มีฝูงจระเข้ที่ภูเขาทอง ลุงเห็นภาพคนที่แก่งแย่งกันค้นหาอาหาร ปล้นอาหารที่เป็นซากห้างใหญ่

ลุงเห็นภาพซากเขื่อนที่จังหวัดตาก เขื่อนแตกกวาดน้ำไปตามเส้นทาง แทบไม่เหลือสภาพว่านี่เคยเป็นเมืองที่เคยมีผู้คนอยู่มากมาย

ลุงเห็นภาพผู้คนที่รอดชีวิตมาแต่คงอดอาหาร บางคนยังใส่สูทอยู่เลยแต่รวมตัวกันไปปล้นแย่งอาหารของคนที่รอดตายคนอื่นๆ มีการฆ่ากัน ภาพคนเสียสติเดินไปเดินมาร้องไห้ หัวเราะ ตีอกชกตัวกันเต็มไปหมด

ลุงเห็นภาพพระ2รูป องค์หนึ่งหน้าตามีเมตตา ขาวๆอายุประมาณ40-50ปี อีกองค์อ้วนๆคล้ำๆนิดหนึ่ง อายุกะไม่ถูก พร้อมกับลูกศิษย์นับร้อยๆคน เดินทางลงจากเขาลูกเตี้ยๆ มีวัดอยู่ข้างบน ลุงไม่แน่ใจว่าที่ใหนนะ ช่วยกันฝังศพและสวดศพตามมีตามเกิด แต่ที่น่าสนใจคือเขาเป็นชาวบ้านธรรมดาแต่รอดชีวิตมาได้อย่างไร มีการเตรียมการกันอย่างไร โดยที่ไม่แสดงอาการหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย

สิ่งที่ลุงพบในจิตร่างนั้น ขนาดชาวบ้านก็ยังรู้ว่าลุงผ่านไป หลายคนยิ้มให้แสดงว่ามีระดับจิตที่สูงมาก คงเป็นจังหวัดที่ลุงเคยทำงาน ที่มีภูเขาเตี้ยๆละมีวัดบนภุเขา ก็น่าจะแถวนครสวรรค์หรือ ลพบุรีอะไรแถวนั้น เพราะญานทัศนะของลุงนั้นจะกำหนดจิตไปยังพื้นที่ที่กายเนื้อของลุงเคยผ่านมาแล้วภาพจะชัดเจนที่สุด ลุงเสนอให้หลานเดินทางไปกราบพระอาจารย์ทั้งสององค์ และหาหมู่บ้านที่มีการฝึกจิตระดับสัมผัสกับญานทัศนะของคนอื่นที่ผ่านมาได้

หวังว่าหลานจะชวนน้องกิ๊บที่ทำงานในกรุงเทพฯให้ลาออกกลับมาทำงานที่เชียงใหม่ได้ ที่เหลือก็คงเป็นภาพคล้ายๆกันถึงความสูญเสีย ขอให้หลานได้เตรียมใจในส่วนของการสูญเสียคนที่หลานรักด้วย ลุงไม่อาจบอกได้ว่าเป็นใคร แต่หลานต้องเตรียมพร้อมกับการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปของสังขารทุกคนที่เกิดมาร่วมกัน
*********************************
ผู้โพสส์บันทึกพระคุณลุง ที่บันทึกไว้ให้หลานๆก่อนออกบวช
วิกรม หลานพระคุณลุง


บันทึกหน้าสุดท้ายของคุณลุงคนเชียงใหม่ ครับ
********************************

4. คนไทยจะเผชิญกับสิ่งใดบ้าง?
********************************

บันทึกหน้าสุดท้ายที่จะเขียนถึงหลานก่อนที่พรุ่งนี้ลุงจะออกเดินทางไปเพื่อติดตามพระอาจารย์โสณะ ซึ่งถ้าได้รับอนุญาตจากพระอาจารย์ ลุงคงบวชตามที่ตัดสินใจไว้ล่วงหน้าก่อนนี้แล้ว ลุงคงไม่มีภาระในทางโลกมากอยู่แล้ว เพราะคุณป้าของหลานได้ลาโลกนี้ไปนานหลายปีแล้ว วันเวลาที่ผ่านมาลุงก็พอมีความสุขทางโลกกับลูกๆหลานๆ และช่วยเหลือคนไข้ไปตามประสา จนสามารถที่จะมีเวลาในการศึกษาทางธรรมจนชีวิตก้าวมาถึงจุดนี้

บันทึกนี้ลุงบันทึกไว้เพื่อให้ลูกหลานได้ระลึกถึงลุง เพราะหลังจากลุงบวชแล้วต้องติดตามพระอาจารย์โสณะ เท่าที่ได้กราบพระอาจารย์ พระอาจารย์จะธุดงค์เป็นส่วนใหญ่ และลุงเชื่อมั่นว่าพระอาจารย์น่าจะมีอายุขัยหลายร้อยปีมาแล้ว . . . .

เพราะลุงได้กราบถามพระอาจารย์ว่า "พระอาจารย์ทำไมพูดได้หลายภาษา?"

พระอาจารย์ยิ้มๆแล้วบอกว่า "เมื่อจิตฝึกมาดีแล้วและมีเวลาศึกษาอะไรนานๆ ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจหลายๆภาษา และถ้าไม่อยากศึกษาก็สามารถสื่อสารกันด้วยจิต"

ลุงได้ถามว่า "พระอาจารย์ชื่อพ้องกับพระในคณะพระที่เดินทางมาจากอินเดียในสมัยพระเจ้าอโศกเพื่อมายังสุวรรณภูมิ"

พระอาจารย์ยิ้มๆบอกว่า "ทำไมคิดว่าพ้องล่ะ"

ลุงเลยบอกว่า "เพราะพระที่มาจากอินเดียรูปนั้น ถ้ายังอยู่อายุคงเป็นพันกว่าปีแล้ว"

พระอาจารย์ไม่ตอบ แต่เบี่ยงไปว่า "ในดินแดนจาตุมหาราชิกาหรือรอยต่อนั้น พรรษาหนึ่งกับบ้านเรานานกว่านั้นแล้วนะ"

และที่ลุงมั่นใจเพราะว่าระดับจิตเจโตปริยญาณของลุงไม่สามารถเทียบเคียงกับจิตของพระอาจารย์ได้ ซึ่งสูงกว่าพระที่มีชื่อเสียงในบ้านเราที่ลุงไปกราบมาแล้วตั้งมากมาย ลุงจึงคาดว่าอาจจะได้พบกับหลานหรือว่าไม่มีโอกาสอีกเลยก็ได้ แต่หวังว่าหลานจะฝึกจิตจนจิตสามารถที่จะติดต่อกับลุงได้ในที่สุด

วิกรม สิ่งที่ลุงได้บันทึกเหล่านี้เป็นการบันทึกที่ผ่านญานทัศนะของลุงในระดับจิตที่ลุงมีอยู่ จิตสามารถเดินหน้า ถอยหลัง และเห็นชัดเจนในพื้นที่ๆกายเนื้อของลุงเคยไปสัมผัสในบริเวณนั้นๆ แต่ที่ผ่านมาลุงมีโอกาสได้เดินทางไปเกือบทั่วทุกจังหวัด เพราะไปทั้งราชการและป้าของหลานเป็นคนชอบเที่ยว ทำให้การผูกจิตเข้ากับจุดที่กายเนื้อผ่านไป มีความชัดเจนในภาพรวมที่พอจะช่วยหลานได้พอสมควร

สุดท้ายสิ่งที่ลุงจะบอกกับหลานก็คือ ต่อไปประเทศไทยหลังจากวันที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ลุงไม่แน่ใจว่าในญานที่ลุงผ่านไปนั้น ลุงเห็นพระอาทิตย์ขึ้นทางดอยสุเทพหรือว่าขึ้นผิดทางจากที่เราเคยเห็นมา โลกคงเปลี่ยนไปมากทีเดียว

ลุงใช้เวลาหลายคืนในระยะที่ผ่านมาเพื่อกำหนดจิตไปยังที่ต่างๆ หลานจะได้เห็นประเทศไทยเปลี่ยนไป เหนือกับอีสานยังพอมีเหลือคนไทยอยู่มาก

น่าสงสารคนภาคใต้ที่โชคร้าย ที่เจอน้ำทะเลสูงเท่าตึก5ชั้น 7ชั้น กวาดเข้ามาในแผ่นดินตอนที่โลกเหมือนจะชนกับอะไรสักอย่างที่ลุงเล่าให้ฟังแล้ว จนคนที่รอดตายเหลือน้อยอยู่แล้วก็จะมาตายกับลูกเห็บยักษ์อีก  หลังจากนั้นลุงเห็นคนที่รอดตาย กำลังจะไปหาอะไรทานเพราะความหิว กลับถูกน้ำทะเลกวาดคนลงไปให้ปลากินเป็นอาหารอีกมากมาย ภาคใต้คนจะเหลือน้อยจริงๆ

ในส่วนของเมืองกรุงเทพฯของเรา ก็คงจะจมลงในน้ำที่เกิดจากเขื่อนพัง มีคนตายมากมาย และกว่าน้ำจะลดลง จำนวนคนตายมากจนคนไม่กล้ามาอยู่ เพราะวิญญานที่ไม่รู้ว่าตัวเองตายแล้ว วนเวียนหาคำตอบให้ตัวเองมากมายไปหมด ใครที่เข้ามาโดยจิตที่อ่อนแอแล้ว จะถูกดวงวิญยานเหล่านี้พยายามที่จะเข้ามาหาคำตอบ น่ากลัวจนคนไม่กล้ามาจนกลายเป็นเมืองร้าง

คนที่มีเหลือมากที่สุดแต่กลับเดือดร้อนที่สุดเป็นคนภาคอีสาน เพราะขุดบ่อน้ำตรงไหนก็เจอแต่หิน บ่อที่เคยมีน้ำกลับดื่มไม่ได้เลย กลายเป็นน้ำที่เค็มกว่าทะเล ลุงเห็นภาพคนเป็นหมื่นเป็นแสนเดินไปอยู่ริมน้ำโขงมากมาย และสุดท้ายคนอีสานข้ามไปอยู่ฝั่งน้ำโขงไปอยู่ประเทศลาว มีพระอาจารย์ที่หูเป็นปานพาชาวบ้านเดินข้ามน้ำไป

ทางเหนือของเรา อาหารการกินถ้าไม่ได้มีการกักเก็บไว้ล่วงหน้าจะเจอกับปัญหา เพราะอากาศจะหนาวมาก ลุงกำหนดจิตไปที่ภูเขา เจอหิมะบนยอดเขา ตอนแรกคิดว่าอธิษฐานผิดที่ไปเมืองนอก แต่กลับไม่ใช่ ลุงเห็นภาพพระธาตุดอยตุงตั้งอยู่กลางหิมะขาวโพลน กว่าจะปรับตัวกันได้ คงจะลำบากน่าดู

แต่อย่างไรก็ตามลุงโซ๊ะ(ชื่อคน)ที่ปลูกพืชเมืองหนาวมาตลอดชีวิตน่าจะช่วยให้คำแนะนำหลานได้ อีกอย่างโรงเขี่ยเชื้อเห็ด,เพาะเห็ดที่ให้พะดี(ชื่อคน)ดูแลอยู่ ก็น่าจะช่วยเรื่องอาหารได้นานพอสมควร เพียงพอที่หลานๆจะสามารถปรับตัวกันได้

หวังว่าสิ่งที่ลุงบันทึกนี้จะเป็นประโยชน์กับหลานไม่มากก็น้อยในการเตรียมการ ส่วนอุปกรณ์ที่ลุงได้เตรียมให้พวกเราไว้ซึ่งมีทั้งเป้ , อุปกรณ์ยังชีพ , วิทยุสื่อสาร , ชุดป้องกันโรคและอื่นๆ ขอให้หลานได้ตรวจสอบตามวงรอบที่ลุงได้ทำแผ่นบันทึกให้ตรวจสอบและสับเปลี่ยนยา อาหารหลอดในเป้ รวมทั้งชุดป้องกันเชื้อ ส่วนอาวุธปืน , มีดสนาม ขอให้รักษาให้ดี ปืนนั้นทะเบียนเป็นชื่อลุง ก็คงไม่เป็นไร เอาไว้ป้องกันตัวจากสัตว์ร้าย

ขอหลานได้ตั้งใจฝึกจิตและพาน้องๆหลานๆฝึกด้วยกับหลาน ส่วนเจ้าตัวเล็กๆทั้งหลายให้ฝึกสวดมนต์ในบทที่ลุงเตรียมไว้ให้ ลุงเขียน Username และ Password ไว้ที่หน้าจอแล้ว ถ้าไม่ลำบากคิดจะทำบุญ ก็ให้หลานไปตามข้อมูลและติดตามข่าวจากในเว็บพลังจิต ก็จะได้ประโยชน์จากการหาของที่จำเป็นและวิธีการในการเตรียมความพร้อม

ขอคุณพระศรีรัตนตรัยได้คุ้มครองหลานๆด้วย สิ่งใดๆที่ลุงได้ล่วงเกินหลานๆและทุกคน โปรดเมตตาอโหสิกรรมลุงด้วย
ลุงหมอของหลานๆทุกคน

*********************
วิกรม หลานพระคุณลุงคนเชียงใหม่โพสต์

ข้อความในบันทึกใดๆที่มาจากบันทึกนี้ หากก่อให้เกิดอกุศลกรรมกับผู้ใด โปรดเมตตาอโหสิกรรมให้กระผมด้วยครับ
วิกรม

วันฟ้าดับ มหาภัยพิบัติวันสิ้นโลก

บันทึกวันฟ้าดับหรือมหาภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นบนโลกนี้ ข้าพเจ้าได้รับทราบเหตุการณ์ภัยพิบัติจากบทความนี้มานานแล้ว และความรู้สึกสังหรณ์ใจตั้งแต่...